มิ.ย.2546 บริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาว่าจ้างนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรแบบรายวัน ดำเนินรายการ "ถึงลูกถึงคน" ในอัตราค่าจ้าง 5,000 บาทต่อตอน
กระทั่งรายการได้รับควานิยมอย่างสูง ก.พ.2547 นายสรยุทธ จึงตั้งบริษัทไร่ส้ม จำกัด มีตัวเองเป็นกรรมการผู้จัดการ เข้าทำสัญญาร่วมผลิตรายการ"คุยคุ้ยข่าว" กับ อสมท. โดยสัญญาระบุว่า ในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมง ระหว่างเที่ยงถึงบ่ายโมง จะมีการโฆษณาได้ครั้งละ 5 นาที หากเกินจากนั้นให้เสียค่าโฆษณาให้กับ อสมท.นาทีละ 2 แสนบาท
ส่วนรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ที่ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลาสามทุ่มครึ่งถึงสี่ทุ่ม โฆษณาได้ไม่เกิน 2 นาที 30 วินาที หากเกินต้องจ่ายเงินให้ อสมท. นาทีละ 2 แสน 4 หมื่นบาท
กระทั่ง ปี 2549 มีการตรวจสอบพบความผิดปกติ ว่า "บ.ไร่ส้ม" ไม่จ่ายค่าเก็บโฆษณาเกินเวลากับ ทาง อสมท. โดยมีนางพิชชาภา หรือชนาภา เอี่ยมสะอาด หรือบุญโต เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณารวมและเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บเงินจาก ไร่ส้ม ได้ให้ความช่วยเหลือ โดยไม่มีการรายงานการโฆษณาเกินเวลาของ ไร่ส้ม เพื่อเรียกเก็บเงิน ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.2548 ถึง 30 มิ.ย.2549
แม้ท้ายที่สุด ไร่ส้ม ได้รีบชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้ อสมท.รวมดอกเบี้ย กว่า 152 ล้านบาท แม้จะได้รับค่าเสียหายคืนแล้ว แต่ อสมท. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและยังพบว่า นายสรยุทธ ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ค ให้นางพิชชาภา รวม 6 ครั้ง เป็นเงินกว่า 7 แสนบาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภา ไม่ได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของ ไร่ส้ม
ในที่สุด 20 ก.ย.2555 ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิดนางพิชชาภา มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา รวมทั้งนายสรยุทธ น.ส.มณฑา ในฐานะเจ้าหน้าที่ บ.ไร่ส้ม มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด
กระทั่ง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2559 ให้จำคุก นางพิชชาภา เจ้าหน้าที่ อสมท. เป็นเวลา 20 ปี ส่วนนายสรยุทธ์ และ น.ส.มณฑา จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับ บ.ไร่ส้ม 80,000 บาท ก่อนที่ทั้งหมดจะยื่นหลักทรัพย์ขอต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และวันนี้ต้องจับตา ว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำตัดสินเป็นเช่นไร