อดีตเวรเปลรับฆ่ารปภ.รพ.ราชวิถี เหตุมีปากเสียงที่จอดรถ ปฏิเสธทำแผน ตร.ค้านประกันชั้นสอบสวน

จากนั้นนายภัทรพงศ์ได้นั่งรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไปจอดทิ้งไว้ภายในลานจอดรถโครงการบ้านเอื้ออาทร รังสิตคลอง 1 ตึก 17 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนขยายผล จนกระทั่งสามารถจับกุตัวได้ที่จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่12 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิถุนายน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผบก.น.1 พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.ไพรัช ไสยเลิศ รองผกก.(สอบสวน)สน.มักกะสัน รรท.รองผกก.(สอบสวน)สน.พญาไท พ.ต.ท.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ รองผกก.สส.สน.พญาไท และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.พญาไท ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายภัทรพงศ์ หรือต้อย เครือนาค อายุ 28 ปี อดีตพนักงานเวรเปล รพ.ราชวิถี ประจำสถาบันโรคผิวหนัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1374/60 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2560 ในข้อหา"ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา", "พาอาวุธ(มีด)ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร" พร้อมของกลางรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน สล 6516 กรุงเทพมหานคร

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสามารถจับกุมตัวได้ที่ด่านตรวจรถ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหายังไม่ให้การใดๆและขอให้การในภายหลัง ซึ่งผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ โดยก่อนหน้านั้นได้มีปากเสียงกับผู้ตายเรื่องที่จอดรถ แต่จะให้การเพิ่มเติมในชั้นศาล ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุผู้ต้องหาให้การว่าทิ้งไว้ในรถยนต์ที่ใช้ขับหลบหนี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และปฏิเสธการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

"อยากขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องที่ช่วยกันจนสามารถจับตัวผู้ต้องหาได้ นอกจากนี้อยากฝากกรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ว่าขอให้มีสติในการดำรงชีวิต" ผบช.น.กล่าว

ต่อมาเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เปิดรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าแจ๊ส สีขาว เพื่อตรวจสอบหาหลักฐาน พบป้ายทะเบียนรถ หมายเลขทะเบียน สล6516 กรุงเทพมหานคร ถูกซ่อนไว้ที่ใต้เบาะฝั่งคนขับทั้งสองชิ้น ก่อนพบมีดสปาร์ต้าหัวแหลม ยาว 51 ซ.ม.ถูกวางไว้ใต้เบาะหน้าด้านข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนใช้ประกอบสำนวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป