svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

น้ำมันพุ่ง ดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ส ร่วง! หลังทรัมป์สั่งถล่มโทมาฮ็อก 59 ลูกใส่ซีเรีย

07 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สี จิ้นผิง จับมือทรัมป์ หลังเดินทางถึงอเมริกาแล้วท่ามกลางการเปิดรีสอร์ทหรูมาลาโก้ในฟลอริดาสำหรับการต้อนรับของทรัมป์ เพื่อเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของ 2 ชาติมหาอำนาจ ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกเฝ้ามองในวันนี้ โดยคาดหวังว่าการพบปะกันครั้งนี้จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในบรรยากาศทางด้านการค้าของโลกให้มีความราบรื่นมากขึ้น รวมถึงการลดความรุนแรงของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการเผชิญหน้ากันในภูมิภาคทั้งในเรื่องการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ปมขัดแย้งในทะเลและทะเลจีนใต้ รวมทั้งการดำเนินนโยบายจีนเดียวที่มีต่อไต้หวันของจีน

ขณะที่ทรัมป์เบนเข็มพุ่งเป้าหมายในซีเรียสั่งกองทัพเรือสหรัฐเปิดฉากยิงขีปนาวุธ Tomahawk โจมตีฐานทัพอากาศในซีเรียมากว่า 59 ลูก ตอบโต้กรณีที่รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ใช้อาวุธเคมีโจมตีเข้าไปในเขตอิดลิบ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 80 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรวมอยู่ด้วย ส่งผลน้ำมันพุ่งขึ้น 1.20 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 52.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ส และดัชนีราคาหุ้นล่วงหน้าในยุโรปร่วงลงถ้วนหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มมองย้อนสถานการณ์ร้อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐมากที่สุดในช่วงทศวรรษ 1990 ที่เกิดฟองสบู่ลูกใหญ่ในยุคหุ้นดอทคอมจนนำไปสู่ฟองสบู่แตกของตลาด Nasdaq ในปี 1999-2000 ขณะที่ปัจจุบันหุ้นขนาดใหญ่ 5 อันดับแรกที่ครอบคลุมมาร์เก็ตแค็ปสูงถึง 10% ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั้ง AAPL, GOOG, MSFT, AMZN และ FB

1.ภาพพจน์ 2 ผู้นำมหาอำนาจของโลกถูกนำเปรียบเทียบเป็นเสือพบสิงห์ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ บ่งบอกถึงความเป็นนักธุรกิจที่แสดงความโผงผาง และมีความต้องการอย่างมากที่จะหยุดยั้งการขโมยแรงงานคนอเมริกันของจีน และนำการลงทุนกลับสู่สหรัฐ ต้องมานั่งถกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งมีบุคลิกสุขุมนุ่มนวลราวเป็นคนละขั้วกัน ได้เดินทางถึงอเมริกาแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีท่ามกลางการเปิดรีสอร์ทหรูมาลาโก้ที่ฟลอริดาในการต้อนรับของทรัมป์ เพื่อเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในช่วงวันที่ 6-7 เมษายนนี้
ในที่สุดทรัมป์และสี จิ้นผิง ก็ได้เจอกันแล้วเมื่อวานนี้ โดยที่การพบปะกันครั้งแรกเป็นการเจรจาทวิภาคีอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2009 ของ 2 ชาติมหาอำนาจ ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกเฝ้ามองในวันนี้ โดยคาดหวังว่าการพบปะกันครั้งนี้จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในบรรยากาศการค้าของโลกให้ราบรื่นมากขึ้น และลดความรุนแรงของปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการเผชิญหน้ากันในภูมิภาคทั้งในเรื่องการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ปมขัดแย้งในทะเลจีนใต้ รวมทั้งการดำเนินนโยบายจีนเดียวที่มีต่อไต้หวันของจีน อีกด้วย

2.ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวพยายามบ่ายเบี่ยงว่าการพบปะเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งนี้จะดำเนินการในช่วงเพียง 24 ชั่วโมงในวันศุกร์ไม่น่าจะตึงเครียดอย่างที่ถูกจับตามองจากทั่วโลก แต่เพื่อให้ผู้นำทั้งสองมาพบปะเพื่อทำความรู้จักกันมากกว่า อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ที่เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก็มีมุมมองหลากหลาย เช่น นักกลยุทธ์การลงทุนของ Citigroup Global Markets Asia เชื่อว่าจะเป็นเกมการต่อรองเพื่ผลประโยชน์ของแต่ละฝ่ายมากกว่าจะเป็นการกำหนดมาตรการเรื่องการลงโทษทางการค้า โดยเฉพาะทรัมป์ที่ขาดแรงหนุนอย่างหนักแน่นจากพรรครีพับลิกัน หลังจากเกิดเสียงแตกในเรื่องการผลักดันร่างกฏหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของทรัมป์หรือ TrumpCare แทน Obamacare ต้องถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด ทำให้บรรยากาศของตลาดการเงินรู้สึกสบายใจขึ้น
ส่วนนักวิเคราะห์ Oanda Asia Pacific และ Guotai Junan Fund Management มองว่า ฝ่ายผู้นำจีนคงอยากเห็นภาวะตลาดมีเสถียรภาพเกิดขึ้น โดยปล่อยให้เงินหยวนทั้งในตลาดออนชอร์และออฟชอร์เคลื่อนไหวทิศทางอ่อนตัวลง โดยที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจจะวางตัวเป็นศูนย์ในการพบปะกับทรัมป์ครั้งนี้ นอกจากนี้ การวิเคราะห์ชี้ว่าในระหว่างการเจรจาคงอยู่ที่ไพ่ที่ต่างฝ่ายถือในมือนั้น ใครจะสามารถพูดในเชิงรุกอีกฝ่ายได้อย่างมีน้ำหนักมากกว่ากัน

3.ING ของเนเธอร์แลนด์ประเมินว่า ขณะนี้ตลาดคงจะจินตนาการได้อย่างหยาบว่าจะเกิดความผันผวนอย่างไรภายหลังการเจรจา เนื่องจากทรัมป์มักแสดงออกซึ่งสีสันจะสามารถบอกกับผู้นำจีนให้รับรู้เหมือนกับที่แสดงออกมาในช่วงที่ผ่านมาอย่างไร ด้าน ANZ ของออสเตรเลีย เชื่อว่า ถึงแม้ว่าตลาดการเงินยังมีความเสี่ยงอยู่บ้างในช่วงการเจรจาที่กำลังเกิดขึ้น แต่หวังว่าสี จิ้นผิง จะช้วยลดความตึงเครียด และทำให้ตลาดกังวลน้อยลงต่อเรื่องการปั่นค่าเงินหยวน
ส่วน Mizuho Bank ของญี่ปุ่น บอกไม่เชื่อว่าจีนจะถูกตบด้วยเรื่องของการปั่นค่าเงินหยวน ซึ่งนักวิเคราะห์ยังไม่ได้เปลี่ยนมุมมองในการคาดการณ์แนวโน้มเงินหยวนแต่อย่างใด เนื่องจากท่าทีของทรัมป์จะอ่อนลงในการเจรจาจนมีความราบรื่นในครั้งนี้

4.หากมองย้อนสถานการณ์ร้อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐมากที่สุดในช่วงทศวรรษ 1990 ที่เกิดฟองสบู่ลูกใหญ่ในยุคหุ้นดอทคอมจนนำไปสู่ฟองสบู่แตกของตลาด Nasdaq ในปี 1999-2000 ซึ่งเป็นเหตุผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงถึง 85% ในยุคนั้นขณะที่ปัจจุบันหุ้นขนาดใหญ่ 5 อันดับแรกที่ครอบคลุมมาร์เก็ตแค็ปของตลาดสูงถึง 10% ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั้งบริษัทแอ็ปเปิ้ล AAPL, กูเกิ้ล GOOG, ไมโครซอฟท์ MSFT, อเมซอน AMZN และเฟซบุ๊ก FB ก็ล้วนเป็นภาพสะท้อนของราคาหุ้นที่สูงเกินความเป็นจริง หลังจากที่ประมาณว่ากิจการหลายแห่งในกลุ่มเทคโนโลยีจะมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ลงในปีนี้ทั้งจากส่วนต่างกำไรจากการขาย และผลกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นผลกระทบที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2015 และปี 2016
นอกจากนี้ ยังมรข้อน่าสังเกตว่า Tesla บริษัทรถยนต์ที่ใช้พลังงานด้านไฟฟ้าและเป็นพลังงานทางเลือกนั้น มีมาร์เก็ตแค็ปสูงถึง 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์ แซงหน้ารถยนต์ Ford ซึ่งมีมาร์เก็ตแค็ปที่ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งที่ความจริง Tesla ขายรถได้ 79,000 คันในปี 2016 ขณะที่ Ford ขายได้ถึง 2.6 ล้านคัน เป็นอีกภาพหนึ่งที่สะท้อนความร้อนแรงจองราคาหุ้นที่สูงเกินพื้นฐานความเป็นจริงในขณะนี้ และเป็นสิ่งธนาคารหลางแสดงถึงความกังวลของตลาดหุ้นสหรัฐที่ตกอยู่ในภาวะฟองสบู่ในขณะนี้

5.ทรัมป์เบนเข็มไปที่เป้าหมายในซีเรียสั่งกองทัพเรือสหรัฐเปิดฉากยิงขีปนาวุธ Tomahawk โจมตีฐานทัพอากาศในซีเรียมากว่า 59 ลูก ตอบโต้กรณีที่รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ใช้อาวุธเคมีโจมตีเข้าไปในเขตอิดลิบ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 80 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรวมอยู่ด้วย โดยที่สหรัฐใช้กองเรือนาวิกโยธินในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนออกปฏิบัติการในครั้งนี้
ทำให้ผู้สังเกตเริ่มไม่แน่ใจในสัมพันธภาพระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย จะกลับฟื้นฟูอย่างแนบแน่นตามที่ทรัมป์เคยพร่ำบ่นตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงเกือบ 3 เดือนแรกนี้ จะสานต่อได้หรือไม่
ส่งผลน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 1.20 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 52.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ส และดัชนีราคาหุ้นล่วงหน้าในยุโรปร่วงลงถ้วนหน้า ดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ส ร่วงลงกว่า 62 จุด ด้านหุ้นในเอเชียเทรดในแดนลบนำโดยฮ่องกงร่วงลง 152 จุด แต่นิกเกอิ และเซี่ยงไฮ้ยังเทรดบวกในช่วงเช้านี้

logoline