พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลกีฬาแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการประสานขอความช่วยเหลือมาทางตนโดยตรง ฝากให้ช่วยดูเรื่องนี้ให้ด้วย เพราะทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ไม่ว่าชนะหรือแพ้ ก็ไม่ควรแสดงพฤติกรรมแบบนี้ ขนาดปีใหม่ยังขอร้องไม่ให้จุดพลุเลย ตนได้มีการเน้นย้ำในการตรวจคัดกรองไปแล้ว เนื่องจากบางครั้งพวกที่ก่อเหตุทั้งหลาย มีการซ่อนเข้ามากับอุปกรณ์เชียร์ต่างๆ ก็ยากในการตรวจพอสมควร บางคนก็มีการปิดหน้าปิดตา ในส่วนนี้ได้มีการกำชับกับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว เมื่อคดีเกิดทางตำรวจก็ต้องตามจับและเรียกตัวมา ไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องรางวัลนำจับนั้นทางนายกสมาคมฟุตบอลฯ เป็นผู้ประกาศเอง
ส่วนเจตนารมณ์ในการเข้าไปเชียร์การแข่งขันฟุตบอลที่แท้จริงนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า มีหลายเหตุผลด้วยกัน อาจเป็นการดิสเครดิต และทำให้ประเทศเสียหายด้วย ส่วนมารยาทของความเหมาะสมมีหรือไม่นั้น ตนมองว่าไม่มีหรอก อย่าเอาเรื่องนี้มาผสมกัน เราชนะก็พอแล้ว ตนเชื่อว่ามีคนที่ไม่หวังดีกับทางสมาคมฟุตบอลฯ และทำให้ประเทศชาติเสียหายด้วย เพราะสมาคมฟุตบอลฯเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ โดยความเห็นส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการดิสเครดิต การแสดงความดีใจไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบุคคลอื่นอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ต้องมีการสืบสวนสอบสวน เพราะตนได้มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ดำเนินการไปแล้ว ส่วนหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะจับตาดูการเชียร์บอลของแฟนบอลกลุ่มนี้เป็นพิเศษหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ทำมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ถ้าปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่คัดกรอง ตนสามารถควบคุมได้ อย่างเช่นท้องสนามหลวงก็ทำสำเร็จ ขณะที่มีการเล็ดลอดของพลุแฟร์เข้าไป มองว่าเป็นการละเลยของเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า เราจะไม่โทษในส่วนตรงนั้น
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกตร. กล่าวว่า การจุดพลุนั้นในส่วนของข้อกฎหมายต่างๆ กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มีการจุดพลุแฟร์ ในส่วนของข้อกฎหมายก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญคือความสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคม อีกส่วนหนึ่งจะมีผลกระทบต่อการจัดการแข่งขันของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า (FIFA) ในการแข่งขันนัดสำคัญๆ ถ้าหากเรามีเหตุการณ์วุ่นวายเป็นประจำ สำหรับมือจุดพลุนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวน คงจะมีความคืบหน้าในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ในเบื้องต้นรู้ชื่อกลุ่มแล้ว ซึ่งรู้พร้อมกับสื่อมวลชน เนื่องจากกลุ่มนี้มีการขึ้นป้ายว่า "อุลตร้าไทยแลนด์" และเจ้าหน้าที่ก็มีรายชื่อของกลุ่มนี้แล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวน และจะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุมีจำนวนกี่คนนั้น ก็มีหลายคนอย่างที่เห็นในภาพ ขณะที่การดำเนินการเอาผิดจะดำเนินการกับกลุ่มหรือเฉพาะบุคคลที่จุดพลุนั้น ก็คงอยู่ที่การสืบสวนสอบสวนว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานก่อน ส่วนเรื่องการตั้งรางวัลนำจับนั้น เป็นข่าวอีกกระแส ถึงไม่มีการตั้งรางวัลนำจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเราก็มีการสืบสวนจับกุมอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีบทลงโทษห้ามให้แฟนบอลกลุ่มดังกล่าวเข้าไปเชียร์บอลในสนามหรือไม่นั้น รองโฆษกตร. กล่าวว่า หลังจากนี้ก็จะมีการกำหนดมาตรการขึ้นมา ส่วนเจ้าหน้าที่มีการเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ในโลกโซเชี่ยลหรือไม่นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวน ส่วนการจุดพลุจะเข้าข่ายความผิดของ คสช. หรือไม่นั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังร่วมกันพิจารณาอยู่ว่ามีความผิดฐานใดบ้าง แต่ที่แน่ๆมีความผิดกฎหมายทางอาญา ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ในการแข่งขันนัดต่อไป เจ้าหน้าที่จะมีการเพิ่มความเข้มงวดหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า มาตรการในการตรวจบุคคลที่จะเข้าไปชมการแข่งขันฟุตบอลนั้น เรามีมาตรการอยู่แล้ว ส่วนที่มีการนำพลุแฟร์เข้าไปจำนวนมากนั้น เพราะกลุ่มคนดังกล่าวมีวิธีการนำเข้าไป ในขั้นต้นนี้ยังไม่มีผู้ที่ได้รับอันตรายจากพลุแฟร์ เนื่องจากยังไม่มีใครเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีว่าได้รับอันตราย ขณะที่การคัดกรองบุคคลนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจในพื้นที่