ผู้การ 9 เสียใจเหตุตร.ไล่จับเด็กแว้น ตาย 3

จากกรณี เกิดเหตุตำรวจสายตรวจ สน.เพชรเกษม ไล่จับกลุ่มเด็กแว้นที่รวมตัวซิ่งบนถนน โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ทำให้มีกลุ่มเด็กแว้นเสียชีวิต จำนวน 3 ราย ส่วนตำรวจสายตรวจ บาดเจ็บ 2 นาย สอบสวนเบื้องต้น กลุ่มเด็กแว้นอ้างว่าไปทำบุญกันที่วัดบุคคโล ก่อนพากันกลับ แต่ระหว่างอยู่บนถนนสุขาภิบาล มุ่งหน้าตลาดบางแค เห็นตำรวจสายตรวจ 2 นาย ขี่จยย.ตราโล่ พยายามจับกุม จึงพากันเร่งเครื่องหนี แต่ผู้ตายซ้อน 3 กันมาเลยหนีไม่ทัน ถูกจยย.สายตรวจ ขี่แซงขึ้นหน้า พร้อมบอกให้จอด แต่จยย.ผู้ตายเบรกไม่อยู่ พุ่งชนจนทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่เด็กแว้นจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพชรเกษม 2 ในเวลาต่อมา เหตุเกิดช่วงเช้ามืดของวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ค. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.น.9 เปิดเผยถึงกรณีมีเด็กแว้นเสียชีวิตและตำรวจบาดเจ็บจากการไล่จับกลุ่มจยย.ซิ่งว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ซึ่งไม่มีใครอยากให้กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เบื้องต้นได้สอบถามไปยังสน.เพชรเกษมแล้ว โดยกำชับให้รวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบ ยึดตามหลักกฎหมาย

ส่วนเรื่องคดี ผลจากกองพิสูจน์หลักฐานไม่พบว่าจยย.ทั้ง 2 ฝ่าย มีร่องรอยชนกัน มีเพียงร่องรอยล้มเท่านั้น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามพยานในที่เกิดเหตุแล้ว ให้การตรงกันว่ากลุ่มผู้ตายขับจยย.มาด้วยความเร็ว และมีการซิ่ง(ยกล้อ) ตั้งแต่เวลาประมาณ 23.00 น. ก่อนจะเกิดเหตุสลดขึ้น ยืนยันว่าจะทำสำนวนตรงไปตรงมา หากญาติผู้เสียชีวิตหรือพยานในที่เกิดเหตุมีหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ได้ ทางตำรวจพร้อมจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ขณะที่ พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำญาติผู้ตายเรียบร้อยแล้ว ขอให้ญาติดำเนินการจัดการศพตามประเพณีให้เรียบร้อย หลังจากนั้น จึงมาดูข้อกฎหมายกันต่อ ส่วนด้านมนุษยธรรม ตนในฐานะผู้กำกับโรงพัก เห็นว่าญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสามคนมีฐานะค่อนข้างยากจน ทางเราเลยจัดเงินจากโรงพักและกต.ตร.เพื่อช่วยงานศพ โดยมอบหมายให้สวป.สน.เพชรเกษม เป็นตัวแทนนำเงินไปช่วยเหลือและร่วมงานศพที่บ้านเกิดผู้เสียชีวิตทั้งสามในพื้นที่ต่างจังหวัด (จ.นครราชสีมา จ.ขอนแก่น และจ.ศรีสะเกษ) ซึ่งตนได้มอบเงินส่วนตัวเป็นค่าจัดงานศพๆละ 1 หมื่นบาทด้วย

ส่วนเรื่องคดี ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนพยาน และมอบหมายฝ่ายสืบสวนให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ โดยหลังจากนี้ จะต้องมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าใครผิดใครถูก ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นการกระทำได้อย่างชัดเจน