ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 13 พ.ค.59 เวลา 09.30 น. นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ไต่สวนพยานโจทก์ครั้งที่ 8 คดีโครงการรับจำนำข้าว หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ กล่าวก่อนเข้าห้องพิจารณาว่า ขอขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจตัวเองทุกครั้งที่เดินทางมาศาล และจากการติดตามข่าวพบว่าหลายประเทศแสดงความกังวลห่วงใยประเทศไทยเรื่องสิทธิมนุษยชนและการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก จึงอยากให้รัฐบาล และ คสช. รับข้อเสนอ แต่ในฐานะประชาชนอยากให้การลงประชามติมีบรรยากาศของการแสดงออกอย่างเต็มที่ ไม่มีความกังวลใดๆ มีประชาชนร่วมใช้สิทธิจำนวนมาก เนื่องจากเป็นอนาคตของประเทศไทย
ขณะที่นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ตรวจค้นบ้านพัก จ.สมุทรปราการ เมื่อวาน (12 พ.ค.) ที่ผ่านมา ก็ได้เดินทางมาให้กำลังใจอดีตนายกฯ พร้อมกล่าวถึงกรณีที่มีการนำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นายเข้าตรวจค้นว่า ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหามีวิทยุสื่อสารไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตว่า โดยบุตรชายถูกบังคับให้เซ็นรับว่ามีวิทยุสื่อสารไว้ในครอบครอง ขณะที่บ้านพักมีคนเข้าออกจำนวนมากซึ่งการพบวิทยุสื่อสารถูกวางอยู่ภายในบ้านนั้นก็จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป โดยตนเป็นนักการเมืองเล็กๆ ส่วนภรรยาก็มีอาชีพค้าขาย ไม่เคยมีการใช้ความรุนแรง หรือใช้อิทธิพลใดๆ ไม่มีประวัติถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้ จึงอยากทราบว่าใครคือผู้มีอิทธิพลตัวจริงในพื้นที่
ขณะที่การไต่สวนพยานวันนี้ อัยการนำนายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผช.ผจก.ธกส. ที่เคยให้การแล้วเมื่อวันที่ 22 เม.ย.มาให้ฝ่ายทนายความจำเลยซักค้านประเด็นกรอบวงเงินที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าว
โดย นายสุพัฒน์ ผช.ผจก.ธกส ตอบทนายความจำเลยว่า วงเงินที่ ธกส.จ่ายในโครงการรับจำนำข้าว 5 ฤดูกาลผลิตนั้น รวม 878 แสนล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นการจ่ายเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรรายคนโดยตรงตามยอดที่ระบุในใบประทวนที่ออกโดยกระทรวงการคลัง ไม่ได้จ่ายเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่น โดยการใช้เงินของ ธกส.ถูกต้องตามระเบียบและมติ ครม.
ขณะที่ทนายความ พยายามซักถามว่า วงเงิน 878 แสนล้านบาท เป็นวงเงินที่ ธกส.จ่ายให้เกษตรการรวม 5 ฤดูกาล ถือเป็นคนละวงเงินหมุนเวียนที่ ครม. กำหนดกรอบในโครงการ 5 แสนล้านบาท ที่เป็นเงินกู้ 4.1แสนล้านบาท กับเงินทุน ธกส. 9.1 หมื่นล้านบาทใช่หรือไม่
นายสุพัฒน์ ผช.ผจก.ธกส พยานโจทก์ ตอบว่า เป็นตัวเดียวกัน โดยการกำหนดกรอบวงเงินหมุนเวียน 5 แสนล้านบาทนั้นเพื่อควบคุมวินัยการเงินการคลัง ขณะที่โครงการจำนำที่เปิดให้รับจำนำทุกเมล็ดเมื่อชาวนานำข้าวเข้าสู่ระบบแล้ว ธกส.ก็ต้องจ่าย ส่วนเมื่อได้เงินจากการระบายข้าวแล้ว ก็จะนำมาชำระหนี้เงินเพื่อลดเพดานเงินกู้ ทำให้สามารถนำเงินตามกรอบหมุนเวียนมาใช้ได้อีก ส่วนยอดเงินกู้ที่ใช้ในโครงการจนถึงวันที่ 30 ก.ย.57 ประมาณ 5.6 แสนล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นยอดหนี้เงินกู้จนถึงวันที่ 22 พ.ค.57 (วันที่มีการทำรัฐประหาร) กว่า 3 แสนล้านบาท เงินทุน ธกส. 90,000 ล้านบาท และเงินกู้ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำมาใช้โครงการจำนำข้าวอีก 90,000 ล้านบาทเศษ
เมื่อทนายความจำเลย พยายามถามถึงการกำหนดกรอบการระบายข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสุพัฒน์ ผช.ผจก.ธกส พยานโจทก์ ตอบว่า ในการระบายข้าวในรัฐบาลก่อนยังไม่ชัดเจนว่าจะระบายข้าวให้เสร็จเมื่อใด แต่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจนจะเร่งระบายข้าวให้เสร็จภายใน 1 ปีส่วนจะดำเนินการได้เพียงใดไม่ทราบภายหลังนายสุพัฒน์ ตอบการซักค้านทนายความจำเลยประเด็นอื่นเสร็จสิ้นแล้ว อัยการ โจทก์เตรียมนำนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไต่สวนเป็นพยานที่สองในวันนี้ ช่วงบ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศวันนี้ ยังคงมีมวลชนจำนวนมาก มารอให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ เหมือนเช่นเคยที่ผ่านมา โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เฝ้ารักษาความเรียบร้อยรอบบริเวณ ขณะที่ภายในอาคารศาลเพิ่มความเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ในการตรวจบุคคลก่อนเข้าห้องพิจารณาด้วย จากเดิมที่จะเป็น รปภ.ประจำอาคาร
สำหรับการไต่สวน พยานของอัยการ โจทก์ ดำเนินมาใกล้จะเสร็จสิ้นตามที่ยื่นบัญชีต่อศาล ซึ่ง 7 นัดที่ผ่านมาไต่สวนพยานแล้ว 12 ปาก ประกอบด้วย นายนพดล ทิพยวาน บก.ข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 , นายนิพนธ์ พัวพงศกร อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) , น.ส.แน่งน้อย เจริญทวีทรัพย์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งเป็นนักวิชาชีพการตรวจสอบบัญชี , น..ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. อดีตประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว , นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย , นายระวี รุ่งเรือง เครือข่ายแกนนำชาวนา , นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่เคยอภิปรายการทุจริตโครงการจำนำข้าวในสภา , นายวิชา มหาคุณ อดีต ป.ป.ช. , น.ส.ศิรสา กันต์พิทยา อดีตรอง ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ( สบน.) , พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี อดีตประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการระบายข้าวรัฐบาล ในคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา , นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผช.ผจก.ธกส.โดยเหลือพยานอีก 2 ปาก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ที่จะนำเข้าไต่สวน ในวันที่ 18 พ.ค.นี้
โดยศาลจะเริ่มนัดไต่สวนพยานจำเลย ในวันที่ 8 ก.ค.นี้ ซึ่งตามบัญชีพยาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ จำเลย จะเข้าไต่สวนเป็นปากแรก ขณะการไต่สวนพยานจำเลยตามนัดจะเสร็จสิ้น วันที่ 3 ก.พ.60