จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้ดำเนินการสืบสวนจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายคือ น.ส.พนิดา คนใหญ่ ซึ่งเคยทำงานเป็นลูกจ้างในตำแหน่งผู้ช่วยแม่บ้าน โดยได้อาศัยจังหวะที่เข้าไปทำความสะอาดห้องพักขณะที่ผู้เสียหายไม่อยู่ที่บ้านพัก ต่อมาภายหลังได้ลาออกไปจากการทำงาน ระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน ถึงวันที่ 28 ตุลาคม พบว่า น.ส.พนิดาคนใหญ่ ได้นำเอาทรัพย์ไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำหัวหมาก
โดยโรงรับจำนำหัวหมากซึ่งรับจำนำทรัพย์เอาไว้ 13 รายการ มีนายศรีโรจน์ สัตยกุล เป็นผู้จัดการมีหน้าที่ดูแลกิจการโรงรับจำนำ และได้รับจำนำทรัพย์สินที่ถูกลักมา โดยตีราคาทรัพย์สินที่นำมาจำนำ รวมทั้งเป็นผู้รับจำนำและตีราคาทรัพย์จาก น.ส.พนิดา จำนวน 13 รายการ
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 26 ก.พ. ที่สน.หัวหมาก พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร รรท.ผบช.น พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.โกเมน สุภาพ ผกก.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ได้ร่วมกันมาสอบปากคำ นายศรีโรจน์ สัตยกุล อายุ 54 ปี ผู้จัดการโรงรับจำนำหัวหมาก หลังจากรับจำนำทรัพย์ทั้ง 13 รายการ ซึ่งเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา
พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุแม่บ้านลักทรัพย์นายจ้าง ได้ทรัพยสินไป 13 รายการ ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาหรูยี่ห้อดังราคาหลักแสนถึงหลักล้านบาท โดยได้นำทรัพย์สินที่ได้มานำไปจำนำที่โรงรับจำนำดังกล่าวอยู่เป็นประจำ เชื่อว่าผู้จัดการโรงรับจำนำน่าจะรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้รับจำนำไว้ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ที่นำมาจำนำ แต่กลับรับจำนำไว้ ส่อให้เห็นว่าไม่สุจริต
ทั้งนี้ ส่วนจะให้การอย่างไรนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เจ้าหน้าที่ก็มีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะดำเนินการให้เป็นคดีตัวอย่างได้ ซึ่งตนได้สั่งการให้สถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88 สน. ทำหนังสือแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ไปยังโรงรับจำนำ ร้านทอง ร้านรับซื้อของเก่า ร้านรับซื้อโทรศัพท์ ที่อยู่ในพื้นที่ ให้ระมัดระวังในการรับซื้อหรือรับจำนำ หากพบเห็นว่ามีความผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที สำหรับผู้จัดการโรงรับจำนำรายนี้ถือเป็นรายแรกที่ถูกแจ้งข้อหารับของโจร
ด้าน พ.ต.อ.โกเมน กล่าวว่า วันนี้ (26 ก.พ.) พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับ นายศรีโรจน์ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหารับของโจร ซึ่งผู้จัดการโรงรับจำนำคนนี้อ้างว่าไม่รู้ว่ารับของโจรมา เนื่องจาก น.ส.พนิดา ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีได้มาไถ่ถอนทรัพย์สินบางรายการคืน แต่การสอบสวนทราบว่า น.ส.พนิดา ได้นำทรัพย์สินจำนวน 13 รายการทยอยมาจำนำไว้ที่โรงรับจำนำแห่งนี้ และทรัพย์สินบางส่วนมีมูลค่าสูงจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีเจตนาจะปกปิดไว้ จึงประสานผู้จัดการโรงรับจำนำมาสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหารับของโจร ขณะที่นายศรีโรจน์ ให้การอ้างว่า ตนไม่ทราบว่าของดังกล่าวได้มาจากไหน ซึ่งตนก็รับจำนำมานานแล้ว บางครั้งมีคนนำของราคาสูงมาจำนำ ก็อ้างว่าเจ้านายให้มาจำนำบ้าง เป็นของตัวเองบ้าง ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไรนัก อย่างไรก็ตาม ตนก็จะไม่ทำแบบนี้อีก และยอมรับทุกข้อกล่าวหา