ที่เกิดเหตุพบพบรถบรรทุก 6 ล้อ เป็นรถโม่ปูนซีเมนต์ ทะเบียน 71-3321 สระบุรี มีนาย อนันต์ ทองชัด อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 390 หมู่.20 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งรถคันดังกล่าวเป็นของบริษัทปูนเอกชน ชนรถแท๊กซี่ สีชมพู ของสหกรณ์สหมิตรแท็กซี่ จำกัด ทะเบียน ทษ 259 กรุงเทพมหานคร มีนาย ประยงค์ นาชูศรี อายุ 46 ปีเป็นผู้ขับขี่ ซึ่งได้คลานเพื่อเอาชีวิตรอดออกมาจากรถในสภาพถูกชนบริเวณด้านท้ายรถอัดก๊อปปี้เข้ากับท้ายรถโดยสารประจำทาง ขสมก. สีแดงขาว สาย 107 ซึ่งมีเส้นทางการเดินรถระหว่าง บางเขน-คลองเตย เลขทะเบียน 11-9207 กรุงเทพมหานคร โดยมีนาย สมหมาย ศุภฤกษ์มีชัย อายุ 55 ปี เป็นคนขับ สภาพรถแท็กซี่พังยับเยิน จนตัวรถมุดเข้าไปอยู่ใต้รถประจำทาง
เบื้องต้นทราบว่ารถโม่ปูนเกิดเบรกแตกขณะเร่งเครื่อง เพื่อไปจอดต่อท้ายรถแท็กซี่ที่จอดต่อท้ายรถประจำทางรอสัญญาณไฟจราจร
จากการสอบถาม นายสมหมาย คนขับรถโดยสารประจำทาง บอกว่า ก่อนเกิดเหตุรถของตนจอดติดไฟจราจร นาน 10 กว่านาที จนกระทั่งรถถูกชนท้าย เคราะห์ดีที่ผู้โดยสารบริเวณท้ายรถซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาวิชาทหารไม่ได้รับบาดเจ็บ เช่นเดียวกับรถแท๊กซี่ที่ไม่มีผู้โดยสาร แต่หลังถูกชนก็ลงมาดูเห็นคนขับรถแท๊กซี่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคลานออกมาจากซากรถ หากดูจากสภาพรถแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าเขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะรถถูกอัดก๊อปปี้บี้แบนเหมือนกระป๋องเบียร์ถูกเหยียบเลย
ด้าน ร.ต.ท.ศรสุพรรณ กล่าวว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 3 คัน มุ่งหน้าไปทางเกษตร ขณะรอสัญญาณไฟจราจรอยู่นั้น รถโม่ปูนเกิดขัดข้องทางเทคนิค คาดว่าน่าจะเป็นเบรกแตก ทำให้ไม่สามารถชะลอรถได้ จึงพุ่งชนกับรถแท็กซี่คันดังกล่าวและชนต่อเนื่องไปยังด้านท้ายของรถเมล์สาย 107 ที่อยู่ด้านหน้าของรถแท็กซี่ จนรถแท็กซี่พังยับเยินเสียหายทั้งคัน ส่วนนายประยงค์ คนขับรถแท็กซี่ก็คลานออกมาจากตัวรถ ได้รับบาดเจ็บแต่อาการไม่หนัก จากนั้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยก็รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล เปาโลเมโมเรียล สะพานควาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้การจราจรบนถนนพหลโยธินขาเข้าติดขัดยาวถึงบริเวณ 5แยกลาดพร้าว ส่วนฝั่งขาออกติดขัดจนเลยแยกเกษตร ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำนายอนันต์ ซึ่งเป็นผู้ขับรถโม่ปูนอย่างละเอียด ก่อนแจ้งข้อหาขับรถประมาทเพื่อดำเนินดดีตามกฎหมายต่อไป