จากชัยชนะครั้งนี้ ทำให้ สปีธ ที่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน เคยได้แชมป์เมเจอร์แรกของปี คือ เดอะมาสเตอร์ส มาแล้ว ได้รับเงินรางวัลถึง 1.8 ล้านดอลลาร์ และกลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดต่อจาก บ็อบบี โจนส์ ตำนานนักกอล์ฟในอดีตที่เคยได้แชมป์รายการนี้ในปี 1923 และทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้แชมป์รายการเมเจอร์ 2 ครั้ง ต่อจาก ยีน ซาราเซน ที่ทำได้ในปี 1922 และยังเป็นนักกอล์ฟคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ ที่ได้แชมป์ยูเอส โอเพ่น และมาสเตอร์ส ในปีเดียวกัน ต่อจาก เครก วู้ดส์ (1941), เบน โฮแกน (1951, 1953), อาร์โนลด์ พาลเมอร์ (1960), แจ็ค นิคคลอส (1972) และ ไทเกอร์ วู้ดส์ (2002) อีกด้วย
นอกจากนี้ยังทำให้ สปีธ ที่จะมีอายุครบ 22 ปีเต็ม ในวันที่ 17 กรกฎาคม มีสิทธิสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกของโลก ที่ได้แชมป์เมเจอร์ทั้ง 4 รายการในปีเดียวกัน หากสามารถชนะการเล่นอีก 2 เมเจอร์ที่เหลือ คือ ดิ โอเพ่น ที่สนามเซนต์ แอนดรูว์ ประเทศสกอตแลนด์ ระหว่างวันที่ 16-19 กรกฎาคม และพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ที่วิสคอนซิล ในระหว่างวันที่ 13-16 สิงหาคมนี้ ได้สำเร็จ