อินโดนีเซีย หยุดส่งแม่บ้านไปตะวันออกกลาง หลังซาอุฯ สั่งประหาร 2 คน

อินโดนีเซีย ได้ระงับการส่งผู้ช่วยแม่บ้านไปยัง 21 ประเทศในตะวันออกกลาง หลังหญิงชาวอินโดนีเซีย 2 คน ถูกประหารชีวิตที่ซาอุดิอาระเบีย เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่อินโดนีเซียเป็นอย่างยิ่ง


นายฮานิฟ ดากิรี รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ในกลุ่มประเทศที่อินโดนีเซียจะไม่ส่งผู้ช่วยแม่บ้านไปทำงาน ได้รวมถึงอินโดนีเซีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หมายหลักของเหล่าผู้ช่วยแม่บ้านชาวอินโดนีเซีย ตามด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE, การ์ตา, บาห์เรนและอิยิปต์ และจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 3 เดือน

อินโดนีเซียไม่พอใจที่พลเมืองของตนเองถูกประหารชีวิตในต่างประเทศ ในขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อินโดนีเซียก็เพิ่งจะประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดชาวต่างชาติจำนวน 7 คน รวมทั้งนายมายูรัน สุกุมารันและนายแอนดรูว์ ชาน นักโทษชาวออสเตรเลีย ท่ามกลางเสียงวิงวอนจากนานาชาติ

อินโดนีเซียได้ร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ช่วยแม่บ้านชาวอินโดนีเซียในตะวันออกกลางมาเป็นเวลานานแล้ว และไม่ได้ส่งผู้ช่วยแม่บ้านรายใหม่ไปทำงานในซาอุดิอาระเบีย มาตั้่งแต่ปี2554 หลังการประหารชีวิตแรงงานคนหนึ่ง

ส่วนการเคลื่อนไหวล่าสุด อาจหมายถึงการระงับการส่งผู้ช่วยแม่บ้านรายใหม่เป็นการถาวร ส่วนคนที่ทำงานในประเทศที่อยู่ในรายชื่ออยู่แล้ว จะได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อไป ซึ่งนายดากิรี กล่าวว่า โดยตามกฎหมายแล้ว รัฐบาลมีสิทธิ์ที่จะยับยั้งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศบางประเทศ ถ้าเชื่อว่า นายจ้างของพวกเขาเหยียดหยามคุณค่าความเป็นมนุษย์และศักดิ์ศรีประเทศของพวกเขา

เขาบอกด้วยว่า มีปัญหามากมายสำหรับชาวอินโดนีเซียที่ไปทำงานในต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับบรรทัดฐานด้านแรงงานและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นการพาดพิงไปถึงการประหารชีวิต ซิติ ไซนับและคาร์นี่ ทาร์ซิม สองผู้ช่วยแม่บ้านชาวอินโดนีเซีย ที่ถูกประหารชีวิตไปเมื่อเดือนเมษายน และกระทรวงต่างประเทศได้เรียกพบเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำอินโดนีเซียเพื่อร้องเรียนว่า อินโดนีเซียไม่ได้รับแจ้งก่อนล่วงหน้า ซึ่งความผิดฐานลักลอบขนยาเสพติด ข่มขืน ฆาตกรรม การไม่เลื่อมใสในศาสนาและปล้น ล้วนมีโทษขั้นประหารชีวิต ภายใต้กฎหมายชารีอะฮ์