ศาลอ่านคำพิพากษาคดียาเสพติด หมายเลขดำ อย.7761/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายสำราญ แสนหลวง อายุ 49 ปี ,นายพงศภัค เรืองกิจสุวรรณ อายุ 43 ปี ,นายสมยศ เล่าหมี่ อายุ 44 ปี และนายนพพร พนาศรีสมบูรณ์ อายุ 24 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ,สมคบกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ฯ ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อระหว่างวันที่ 10 -13 ก.ย. 55 ต่อเนื่องกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีผู้ขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จาก จ.เชียงราย มาส่งให้เอเย่นต์ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทาง ถ.สายพร้าว เวียงป่าเป้า เจ้าหน้าที่จึงตั้งด่านตรวจ พบรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ 2 คันขับแล่นตามกันมา โดยคันแรกมีจำเลยที่ 1 และ 2 นั่งมา ส่วนคันที่ 2 มีจำเลยที่ 3 และ 4 นั่งมา และจากการตรวจบัตรประจำตัวพบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่เดียวกัน อีก ทั้งจำเลยที่ 2 และ 4 ยังเป็นพี่น้องมีบิดา - มารดาเดียวกัน ส่วนจำเลยที่ 3 มีศักดิ์เป็นน้อง เขยของจำเลยที่ 2 และเป็นพี่เขยของจำเลยที่ 4 เมื่อ ตรวจค้นรถกระบะคันแรกไม่พบสิงผิดกฎหมาย แต่รถกระบะคันที่ 2 พบเป้สีเขียว 6 บรรจุยาบ้าใบละ 1 แสนเม็ด รวม 6 แสนเม็ด มูลค่า 60 ล้านบาท วางซุกซ่อนอยู่ด้านล่างกระสอบใส่มูลไก่เต็มกระบะ จึงนำตัว พร้อมของกลางหลายรายการ อาทิ ยาเสพติด,โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องและอื่น ๆ ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส. 3 บช.ปส. ดำเนินคดี
ชั้นสอบสวน จำเลยที่ 1 และ2 ให้การปฏิเสธ อ้างว่า เดินทางกลับจากช่วยงานศพ ไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 3 และ 4 มาก่อน ส่วนจำเลยที่ 3, 4 ให้การรับสารภาพตลอด ว่า กำลังจะนำยาบ้าไปส่งให้เอเย่นต์ที่ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ โดยจะได้รับค่าจ้างจำนวน 5 แสนบาท
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1,2 มีหน้าที่ขับรถนำทาง สำรวจเส้นทาง และด่านตรวจ โดยจำเลยที่ 3 ,4 มีหน้าที่ขับรถลำเลียงยาเสพติด ซึ่งจำเลยที่ 1 ,2 โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยที่ 3,4 ทราบตลอดเส้นทาง การกระของพวกจำเลยมีลักษณะเป็นกระบวนการ - แบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้พ้นการจับกุม ข้ออ้างของจำเลยที่ 1,2 เป็นข้ออ้างลอย ๆ ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่ กระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2),66 วรรคสาม และ 102 , พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 3,4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุกทั้งสองไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1,2 คงประหารชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง