ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 11.45 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฆ่าแกนนำต่อต้านบ่อขยะราชาเทวะ หมายเลขดำ ด.373/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา10 และนายนครินทร์ วงศ์ปิยะสถิตย์ , นายกฤษฎ์ วงศ์ปิยะสถิตย์ บุตรของนายสุวัฒน์ วงศ์ปิยะสถิตย์ แกนนำต่อต้านบ่อกำจัดขยะ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ส.อ. สมเกียรติ์ หรือ เกียรติศักดิ์ หรือจ่าศักดิ์ คงคามี อดีตทหารศูนย์การบินทหารบก ผู้ติดต่อหามือปืน (เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.53 ) , นายเสรี หรือเล็ก กล่ำฉนวน มือปืน, นายประจักษ์ หรือจักร สินพรม ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ก่อเหตุ , นายสมยุทธ หรือปุ๊ พุ่มภักดี อดีตสมาชิก อบต.ราชาเทวะ ผู้จ้างวาน และนายสมชาย หรือหลุบ ยอดย้อย เป็นจำเลยที่ 1- 5 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และจ้างวานให้ฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 และพ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 โดยคดีอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 ก.พ.46 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. 44 - 26 มิ.ย.44 จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันมีอาวุธปืนสั้นขนาด .38 ไว้ในครอบครอง โดยนายสมยุทธ จำเลยที่ 4 ได้ใช้จ้างวานให้จำเลยที่ 1-3 และ5 กับพวกอีก 2 คนร่วมกันฆ่านายสุวัฒน์ วงศ์ปิยะสถิตย์ แกนนำต่อต้านบ่อกำจัดขยะ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ให้ถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 44 เหตุเกิดที่ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.47 ว่าจำเลยที่ 1-3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ส่วนจำเลยที่ 4-5 มีความผิดฐานร่วมกันใช้ จ้างวานฯ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 และ 5 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 19 เม.ย.54 พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 2-3 และให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 4 สถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 5 เห็นว่าพฤติการณ์เป็นเพียงผู้สนับสนุนกระทำ มิใช่เป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.289 (4) ประกอบมาตรา 86 คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 5 ไว้ทั้งสิ้น 33 ปี 4 เดือน ต่อมาจำเลยนายประจักษ์ จำเลยที่ 3 ผู้ขับขี่รถ จักรยานยนต์ และนายสมยุทธ จำเลยที่ 4 ผู้จ้างวาน ได้ยื่นฎีกาโดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวนายประจักษ์ และนายสมยุทธ จำเลยทั้งสอง จากเรือนจำบางขวางมาเพื่อฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า โจทก์มีประจักษ์พยานเป็นเจ้าของร้านของชำในหมู่บ้านและพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุเบิกความทำนองเดียวกันว่า เห็นจำเลยที่ 3 เป็นคนแปลกหน้านั่งอยู่ร้ายก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆ หมู่บ้าน จึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ เห็นลักษณะจำเลยที่ 3 ไว้หนวดไว้เครามีรูปร่างผอมสูง จึงเชื่อว่าพยานจดจำลักษณะของจำเลยได้ชัดเจน ประกอบกับผลการตรวจลายนิ้วมือแฝงที่ได้จากหมวกกันน็อคของกลาง ตรงผลลายนิ้วมือของจำเลยที่ 3 รวมทั้งจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 4 นั้น โจทก์มีนายนุกูล ธนาการณ์ ที่เจ้าหน้าที่กันไว้เป็นพยานเบิกความว่า นายนุกูล ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวย ได้รู้จักกับจำเลยที่ 5 ครูสอนชกมวย โดยจำเลยที่ 5 ได้แนะนำให้ร็จักกับจำเลยที่ 4 และพยานทราบว่า จำเลยที่ 4 จ้างวานให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักโทษแหกคุกและเป็นลูกน้องเก่า เป็นผู้จัดหามือปืน จำเลยที่ 1 จึงได้ติดต่อกับจำเลยที่ 2 และ 3 ซึ่งเป็นมือปืนเพื่อลงมือก่อเหตุ โดยพยานได้เบิกความเป็นลำดับขั้นตอนเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล อีกทั้งไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 3 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน คำเบิกความของนายนุกูลจึงมีน้ำหนักไม่มีพิรุธ จึงเชื่อว่ามีการจ้างวานให้จำเลยที่ 2-3 ฆ่าผู้ตายจริง โดยจำเลยที่ 4 มีความขัดแย้งกับผู้ตาย ซึ่งเป็นแกนนำต่อต้านการก่อสร้างบ่อขยะราชาเทวะ ถึงขั้นมีข่าวลือว่าจะมีการสั่งเก็บผู้ตาย ประกอบกับจำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม พิเคราะห์ประกอบคำเบิกความแล้วรับฟังได้อย่างปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 4 เป็นผู้จ้างวานฆ่าผู้ตายจริง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม ซึ่งเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษให้ 1 ใน 3 จึงพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยที่ 4 ไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังฟังคำพิพากษาษาแล้ว ทั้ง นายประจักษ์ และนายสมยุทธ จำเลยที่ 3-4 มีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ฝ่ายครอบครัวผู้เสียชีวิต มีนางธีรนุช วนะโพธิ์ ภรรยาของนายสุวัฒน์ แกนนำต่อต้านบ่อกำจัดขยะ ต.ราชาเทวะ เดินทางมาพร้อมบุตรชาย โจทก์ร่วม และญาติ โดยนางธีรนุช วนะโพธิ์ ภรรยาของนายสุวัฒน์ ผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากสามีตาย ตั้งแต่ปี 2544 ตนก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวประกอบธุรกิจส่วนตัวดูแลบุตร 2 คน ขณะที่ตนกับครอบครัวก็ยังอยู่ในพื้นที่ ต.ราชาเทวะ โดยไม่ได้ย้ายไปไหน ไม่มีความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าญาติของ นายสมยุทธ จำเลยที่ 4 ยังคงอยู่ในพื้นที่แต่เราก็ไม่ข้องเกี่ยวกัน ส่วนที่ศาลฎีกาเห็นว่านายสมยุทธ ผู้จ้างวานฆ่า จำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมแล้วลดโทษที่สองศาลยืนจากประหารชีวิตให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต ตนก็ยอมรับในคำพิพากษา เพราะที่ผ่านมาเราทุกคนอยู่ภายในกฎหมาย แม้ว่าในชั้นพิจารณาจำเลยจะสู้คดีและไม่เคยมาขอขมาหรือแสดงความสำนึกในความผิดกับตนและครอบครัวก็ตาม ตนได้ยึดหลักพุทธศาสนาที่จะไม่คิดแค้นกับจำเลยว่าเมื่อเสียชีวิตแล้วต้องแลกด้วยชีวิต เพราะการที่เขาถูกจำคุกจากเดิมที่เคยมีอิสรภาพแล้วกลายเป็นคนที่ไม่มีอิสรภาพถูกคุมขังในเรือนจำมานานกว่า 10 ปี ก็ถือว่าได้รับกรรมที่กระทำแล้ว ส่วนที่ศาลฎีกาพิพากษาอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องของกฎหมายที่เราต้องยอมรับ