
17 มีนาคม 2567 ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน นายรณกฤต จักร์เงิน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ถ้าอยากเห็น "ดอกชมพูภูคา" บานสะพรั่ง ให้ขึ้นไปชมได้ที่บริเวณร้านอาหาร ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และยังมีต้นก่วมภูคา และต้นเมเปิ้ล เป็นพืชชนิดเดียวกัน โดยต้นก่วมภูคา ต้นอ่อนจะมี 5 แฉก ต้นแก่มี 3 แฉก สีแดงทั้งต้น และต้นเมเบิ้ลมี 5 แฉก ช่วงผลัดใบจะมีสีแดงทั้งต้น ในช่วงเดือน ธ.ค.- ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ต้นนางพญาเสือโคร่งเพิ่งจะโรยไปที่บริเวณลานดูดาว
ส่วนต้นเต่าร้างยักษ์อายุกว่า 1 พันปี มีให้ชมได้ที่หน้าด้านหน้าทางเข้าด่านเก็บค่าธรรมเนียม อุทยานแห่งชาติดอยภูคา บนถนนสายหลัก 1256 ปัว - บ่อเกลือ และบริเวณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
สำหรับ "เต่าร้างยักษ์ภูคา" เป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์ปาล์มที่ชอบอาศัยอยู่ในนิเวศป่าดงดิบ พบได้เฉพาะตามลาดไหล่เขาชัน ระดับความสูง 1,500-1,700 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง เมื่อโตเต็มที่ปาล์มโบราณชนิดนี้จะสูงได้ถึง 40 เมตร และใบมี ขนาดใหญ่โดดเด่น แผ่นใบยาวได้ถึง 4 เมตร จัดเป็นปาล์มที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์ไปจากโลก สามารถดูได้ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติดอยภูคา ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร หรือขับรถไปชมได้บริเวณริมถนน ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพบพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจ เฉพาะถิ่น,หายาก เช่น กุหลาบพันปี ชิงชี่ภูคา กระดิ่งภูคา เศวตแดนสรวง นกไต่ไม้สีสวยเป็นนกไต่ไม้ที่หายาก นกกะรองทองแก้มขาว และนกพญาปากกว้างหางยาว เต่าปูลูเป็นสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์
ทั้งนี้ แหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของ อุทยานแห่งชาติดอยภูคามีจุดท่องเที่ยว หลายแห่ง เช่น ลานดูเดือน ลานดูดาว จุดชมวิว 1715 น้ำตกขุนน้ำปัว น้ำตกตาดหลวง เป็นต้น มีกิจกรรมเดินป่าทั้งหมด 5 เส้นทาง ได้แก่
ทำความรู้จัก "ชมพูภูคา" พืชหายาก
ด้าน เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับ "ชมพูภูคา" ไว้ดังนี้ (ข้อมูล ณ ปี 2566)
ชมพูภูคา Bretschneidera sinensis Hemsl. วงศ์ : Akaniaceae
ชมพูภูคา เป็นพรรณไม้ที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Species: EN) ตามเกณฑ์ของ IUCN ในไทยพบในป่าธรรมชาติเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
ต่อมานำไปปลูกหลายที่ เช่น อุทยานแห่งชาติขุนสถาน อุทยานแห่งชาตินันทบุรี ในต่างประเทศพบที่จีน ไหหลำ ไต้หวัน ลาว เวียดนาม ชอบขึ้นตามป่าดิบเขา ที่ระดับความสูง 1,200-1,500 ม. ชมพูภูคา เป็นไม้ต้น สูง 10-25 ม. ใบประกอบแบบขนนก ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามปลายกิ่ง ยาว 20-45 ซม. กลีบดอกสีขาวอมชมพู แล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม มีริ้วสีแดง ผลแบบผลแห้งแตก รูปทรงรี ยาว 3-4 ซม. โดยจะเริ่มทยอยออกดอกเบ่งบานให้ได้ชมกันตั้งแต่ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปี
สำหรับจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะเก็บภาพดอกชมพูภูคาได้สะดวกแบบไม่ต้องเข้าไปตามหากันถึงในป่า กับ 3 จุด เช็คอินที่เรานำมาฝากกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช