svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Health

รู้จัก Pitted Keratolysis โรค “กลิ่นเท้าแรง ผิวเท้าเป็นรู” รักษาให้หายขาดได้

รู้จักกับ Pitted Keratolysis โรคที่เกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย ทำให้ผิวเท้าเป็นรู และมีกลิ่นเท้าแรง พบมากในกลุ่มที่เท้าอับชื้น อาจดูน่ากลัวแต่โรคนี้รักษาให้หายได้ง่าย

KEY

POINTS

  • โรค Pitted Keratolysis คือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังชั้นบนบริเวณฝ่าเท้า ทำให้ผิวเป็นหลุมเล็กๆ และเกิดกลิ่นเท้าที่รุนแรงกว่าปกติ
  • สาเหตุหลักเกิดจากความอับชื้นและเหงื่อออกมาก มักพบในผู้ที่ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าบู๊ตเป็นเวลานาน เช่น นักกีฬา ทหาร และคนทำงานโรงงาน
  • สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ควบคู่กับการดูแลเท้าให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

หากคุณเคยสังเกตว่า ฝ่าเท้ามีกลิ่นแรงผิดปกติ แถมยังพบ หลุมเล็ก ๆ บนผิวเท้า เหมือนถูกกัดแทะ หรือผิวยุ่ยเป็นรู อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เท้าอับหรือรองเท้าเหม็นธรรมดา แต่คือสัญญาณของโรคผิวหนังที่เรียกว่า Pitted Keratolysis (พิทเต็ด เคอราโทลัยซิส) ซึ่งพบได้มากในคนทำงานที่ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือยืนเป็นเวลานาน

แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สร้างความรำคาญและกระทบความมั่นใจอย่างมาก หากไม่รู้เท่าทันและปล่อยไว้ อาการอาจเป็นเรื้อรังได้

โรคนี้คืออะไร?

สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ อธิบายว่า Pitted Keratolysis เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังชั้นบน โดยเฉพาะบริเวณ ส้นเท้า ฝ่าเท้า และปลายเท้า เชื้อจะทำให้ผิวหนังเกิดเป็น หลุมเล็ก ๆ ขนาดราว 1–3 มิลลิเมตร และสร้างสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเท้าแรงขึ้นกว่าปกติ

โรคนี้มักเกิดมากขึ้นในสภาพที่ อับ ชื้น เหงื่อออกง่าย เช่น

  • ใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าบูตตลอดวัน
  • ต้องยืนหรือเดินในที่ร้อนและชื้น
  • สวมถุงเท้าหนามากหรือไม่เปลี่ยนถุงเท้า
  • มีเหงื่อออกมากโดยธรรมชาติ

กลุ่มเสี่ยงจึงพบมากใน นักกีฬา ทหาร แพทย์ พยาบาล คนทำงานโรงงาน หรือผู้ที่ต้องยืน-เดินนาน ๆ รวมถึงคนที่ถูกล้อว่า “เท้าเหม็น” เป็นประจำก็อาจอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน

อาการแบบไหนที่บ่งชี้ว่าเป็น Pitted Keratolysis?

โดยทั่วไปจะมีอาการชัดเจน 3 อย่าง ได้แก่

1) ฝ่าเท้าเป็นหลุมเล็ก ๆ

  • เหมือนถูก “หนอนแทะ”
  • ผิวขาวซีด ยุ่ย หรือเป็นรอยเจาะถี่ ๆ

2) กลิ่นเท้าแรงมาก

  • กลิ่นจะรุนแรงกว่ากลิ่นอับปกติ เพราะเกิดจากสารที่แบคทีเรียสร้างขึ้น

3) อาจมีเจ็บเวลายืนหรือเดิน

  • แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เจ็บ แต่หากเป็นมากอาจรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ได้

หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการ แดง บวม ปวด ควรรีบพบแพทย์ทันที

การวินิจฉัยโรคทำอย่างไร?

แพทย์มักตรวจที่ฝ่าเท้าโดยตรง บางรายอาจใช้ Wood’s lamp ซึ่งจะเห็นการเรืองสีส้มแดงของบริเวณที่มีเชื้อ ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดหรือทำการตรวจซับซ้อนเพิ่มเติม

รักษาได้ไหม?

รักษาได้ และหายเร็วมาก หากได้รับการดูแลที่ถูกต้อง

วิธีรักษามาตรฐาน

1. ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น

  • Clindamycin
  • Erythromycin
  • Fusidic acid
  • Benzoyl peroxide

2. ยากิน

ใช้เฉพาะรายที่อาการรุนแรงหรือรักษาด้วยยาทาแล้วไม่ดีขึ้น

รู้จัก Pitted Keratolysis โรค “กลิ่นเท้าแรง ผิวเท้าเป็นรู” รักษาให้หายขาดได้

การดูแลตนเองระหว่างรักษา

  • ทำให้เท้า แห้งอยู่เสมอ
  • เช็ดซอกนิ้วเท้าให้แห้งหลังล้าง
  • เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน
  • หลีกเลี่ยงรองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าบูตเป็นเวลานาน
  • ใช้แป้งลดเหงื่อหรือสเปรย์ระงับกลิ่นเท้า
  • สลับรองเท้า ไม่ใส่คู่เดิมติดกันทุกวัน
  • ทำความสะอาดรองเท้าและผึ่งแดดเป็นประจำ

หากทำตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง อาการจะดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้

ป้องกันโรค Pitted Keratolysis อย่างไร?

แม้โรคนี้ไม่อันตราย แต่การป้องกันง่ายกว่าการรักษามาก โดยท่องจำหลักพื้นฐานดังนี้

  • ล้างเท้าทุกวัน และเช็ดให้แห้งทุกครั้ง
  • เลือกรองเท้าแบบ โปร่ง ระบายอากาศได้ดี
  • หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าหนาหรืออับนานเกินไป
  • เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน เลือกผ้าที่ดูดซับเหงื่อ
  • หลีกเลี่ยงการเดินในที่แฉะหรือชื้นเป็นเวลานาน
  • หากเริ่มได้กลิ่นเท้าแรงผิดปกติ ให้รีบสังเกตอาการทันที

สรุป

Pitted Keratolysis เป็นโรคผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เท้าเกิดหลุมเล็ก ๆ และมีกลิ่นแรง แม้ไม่ใช่โรคอันตราย แต่สร้างปัญหาในชีวิตประจำวันได้มาก หากรู้เท่าทัน สังเกตอาการ และดูแลเท้าให้แห้งอยู่เสมอ สามารถรักษาหายได้ภายในเวลาไม่นาน

หากพบว่าเท้าส่งกลิ่นรุนแรง หรือมีหลุมจำนวนมากบนฝ่าเท้า อย่าปล่อยไว้จนเป็นเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด