
KEY
POINTS
หากคุณเคยสังเกตว่า ฝ่าเท้ามีกลิ่นแรงผิดปกติ แถมยังพบ หลุมเล็ก ๆ บนผิวเท้า เหมือนถูกกัดแทะ หรือผิวยุ่ยเป็นรู อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เท้าอับหรือรองเท้าเหม็นธรรมดา แต่คือสัญญาณของโรคผิวหนังที่เรียกว่า Pitted Keratolysis (พิทเต็ด เคอราโทลัยซิส) ซึ่งพบได้มากในคนทำงานที่ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือยืนเป็นเวลานาน
แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สร้างความรำคาญและกระทบความมั่นใจอย่างมาก หากไม่รู้เท่าทันและปล่อยไว้ อาการอาจเป็นเรื้อรังได้
สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ อธิบายว่า Pitted Keratolysis เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังชั้นบน โดยเฉพาะบริเวณ ส้นเท้า ฝ่าเท้า และปลายเท้า เชื้อจะทำให้ผิวหนังเกิดเป็น หลุมเล็ก ๆ ขนาดราว 1–3 มิลลิเมตร และสร้างสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเท้าแรงขึ้นกว่าปกติ
โรคนี้มักเกิดมากขึ้นในสภาพที่ อับ ชื้น เหงื่อออกง่าย เช่น
กลุ่มเสี่ยงจึงพบมากใน นักกีฬา ทหาร แพทย์ พยาบาล คนทำงานโรงงาน หรือผู้ที่ต้องยืน-เดินนาน ๆ รวมถึงคนที่ถูกล้อว่า “เท้าเหม็น” เป็นประจำก็อาจอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน
โดยทั่วไปจะมีอาการชัดเจน 3 อย่าง ได้แก่
1) ฝ่าเท้าเป็นหลุมเล็ก ๆ
2) กลิ่นเท้าแรงมาก
3) อาจมีเจ็บเวลายืนหรือเดิน
หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการ แดง บวม ปวด ควรรีบพบแพทย์ทันที
แพทย์มักตรวจที่ฝ่าเท้าโดยตรง บางรายอาจใช้ Wood’s lamp ซึ่งจะเห็นการเรืองสีส้มแดงของบริเวณที่มีเชื้อ ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดหรือทำการตรวจซับซ้อนเพิ่มเติม
รักษาได้ และหายเร็วมาก หากได้รับการดูแลที่ถูกต้อง
วิธีรักษามาตรฐาน
1. ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น
2. ยากิน
ใช้เฉพาะรายที่อาการรุนแรงหรือรักษาด้วยยาทาแล้วไม่ดีขึ้น
หากทำตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง อาการจะดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้
แม้โรคนี้ไม่อันตราย แต่การป้องกันง่ายกว่าการรักษามาก โดยท่องจำหลักพื้นฐานดังนี้
Pitted Keratolysis เป็นโรคผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เท้าเกิดหลุมเล็ก ๆ และมีกลิ่นแรง แม้ไม่ใช่โรคอันตราย แต่สร้างปัญหาในชีวิตประจำวันได้มาก หากรู้เท่าทัน สังเกตอาการ และดูแลเท้าให้แห้งอยู่เสมอ สามารถรักษาหายได้ภายในเวลาไม่นาน
หากพบว่าเท้าส่งกลิ่นรุนแรง หรือมีหลุมจำนวนมากบนฝ่าเท้า อย่าปล่อยไว้จนเป็นเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด