
อาการปวดหัว “ไมเกรน” เป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตของวัยทำงานและกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ที่สร้างความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายแถมยังสร้างความรำคาญรบกวนจิตใจ นับเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และมักเกิดอาการปวดหัวอย่างฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทำได้หลายคนต้องกินยาเมื่ออาการกำเริบเท่านั้น
อาการของ “ไมเกรน” เกิดขึ้นได้เมื่อมีสิ่งกระตุ้น เช่น แสงที่จ้าเกินไป อากาศที่ร้อนอบอ้าว การได้รับกลิ่นบางอย่าง หรือเสียงที่ดังเกินเหตุ จนทำให้เกิดอาการไมเกรนตามมา แต่น้อยคนนักที่ทราบว่า “อาหาร” บางชนิดก็มีส่วนกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบได และแม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาไมเกรนให้หายขาดได้ แต่โชคดีที่เราสามารถลดความรุนแรงและหลีกเลี่ยงอาการปวดหัวไมเกรนได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการรับมือไมเกรน ส่วนจะมีอาหารชนิดไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย
5 อาหารตัวการกระตุ้นไมเกรน
ชา-กาแฟ
หลายคนอาจไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วอาการปวดศีรษะไมเกรนที่เป็นอยู่นั้นอาจเกิดขึ้นจากการดื่มชากาแฟ นั่นก็เป็นเพราะคาเฟอีนที่อยู่ในชากาแฟส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง หากมีอาการปวดไมเกรนอยู่แล้วก็จะไวต่อสารนี้ เพราะคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้เกิดการปวดหัวขึ้นได้
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-ไวน์แดง
บ่อยครั้งที่อาการปวดศีรษะไมเกรนเกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากในแอลกอฮอล์มีส่วนประกอบของไทรามีน ซัลไฟด์ ฮีสตามีน และฟลาโวนอยด์ ซึ่งสารเหล่านี้จะเข้าไปลดระดับสารเซโรโทนินในสมอง กระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะ งานนี้สายปาร์ตี้ต้องงดด่วน
ขนมปัง-พิซซ่า
เนื่องจาก “ขนมปัง” หรือ “พิซซ่า” เป็นเมนูที่มีส่วนผสมของยีสต์ และในยีสต์ก็มีสารไทรามีนอยู่ด้วย ซึ่งสารตัวนี้แหละที่จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้!
ผงชูรส
ในทุกๆ วันเราต้องกินอาหารมากมายหลายอย่างและอาหารบางอย่างก็มีส่วนประกอบของผงชูรสหรือสารปรุงแต่งรสชาติอยู่ด้วยเมื่อกินเข้าไปก็อาจกระตุ้นให้มีการหลั่งสารสื่อประสาทบางชนิด หรือไปกระตุ้นให้เซลล์ของผนังหลอดเลือดหลั่งสารไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะตามมานั่นเอง
ช็อกโกแลต
ในช็อกโกแลตอุดมไปด้วยนม เนย น้ำตาล แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีการวิจัยที่ระบุแน่ชัดว่าทำไมช็อกโกแลตจึงมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรน แต่หลายคนมักมีอาการปวดศีรษะหลังจากกินช็อกโกแลต เพื่อป้องกันอาการปวดที่อาจเกิดขึ้นควรหลีกเลี่ยงช็อกโกแลตไปก่อนจะดีกว่า
8 อาหารลดอาการปวดหัวไมเกรน
แซลมอน
เนื้อปลาแซลมอนเป็นหนึ่งในเนื้อสัตว์ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก มีทั้งโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง ลดการอักเสบ บำรุงหลอดเลือดแดง และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญ เนื้อปลาแซลมอนยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 (ไลโบฟลาวิน) ซึ่งเป็นสารอาหารที่สามารถช่วยรับมือกับอาการปวดหัวไมเกรนได้เป็นอย่างดี
กุ้ง
อาหารทะเลอีกชนิดหนึ่งที่หลายคนติดใจในรสชาติอย่างกุ้ง เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยต้านไมเกรนได้เป็นอย่างดี โดยในเนื้อกุ้งมีสารที่ชื่อว่า Astaxanthin (แอสตาแซนทิน) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่นอกจากช่วยต้านการอักเสบแล้ว ยังช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรนได้ด้วย
เครื่องในสัตว์
เครื่องในสัตว์เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารหลายชนิด ที่สำคัญ เครื่องในสัตว์บางส่วน เช่น หัวใจและตับ มีโคเอนไซม์-คิว 10 (Coenzyme Q10) ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยรับมือกับอาการปวดหัวไมเกรนได้เป็นอย่างดี โดยมีการศึกษาพบว่า กว่า 50% ผู้ที่บริโภคอาหารที่มีโคเอนไซม์-คิว 10 นั้นสามารถรับมือกับอาการปวดหัวได้ดีขึ้น
แครอทและมันเทศ
พืชหัวใต้ดินทั้งสองชนิดนี้เป็นอาหารอีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยต่อสู้กับไมเกรนได้เป็นอย่างดี โดยแครอทนั้นมี เบต้าแครอทีน (Beta-Carotene) และสารอาหารอีกหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ส่วนมันเทศนั้นมีสารอาหารหลากหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1, บี 2, บี 6, วิตามินซี, ฟอสฟอรัส, แมงกานีส และโพแทสเซียม เป็นต้น นอกจากจะช่วยรับมือกับไมเกรนแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
ควินัว
ใครที่เป็นสายดูแลสุขภาพน่าจะคุ้นเคยกับอาหารชนิดนี้เป็นอย่างดี เพราะควินัวนั้นจัดเป็น Superfood ที่มีสารอาหารหลากชนิด เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุนานาชนิด จึงทำให้พืชชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่สำคัญ ควินัวนั้นอ่อนโยนต่อระบบทางเดินอาหาร การรับประทานควินัวจึงมีประโยชน์มากเมื่อมีอาการปวดหัวจากไมเกรน
ผักเคล
เคล หรือที่บ้านเราเรียกว่า คะน้าใบหยักและผักคะน้าฝรั่ง เป็นวัตถุดิบอีกชนิดหนึ่งที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Superfood ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยสารอาหารที่อยู่ในเคลนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น ไฟเบอร์, แมคนีเซียม และโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับไมเกรนได้ดียิ่งขึ้น
โกโก้
แมกนีเซียมจากโกโก้ เป็นสารอาหารที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยรับมือไมเกรน อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย แต่อย่าทานเพลินจนเกินไป เพราะแคลอรีในโกโก้นั้นทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
น้ำเปล่า
ใช่แล้ว!! ง่ายๆ แค่ดื่มน้ำเปล่า เพราะน้ำเป็นสิ่งสำคัญในร่างกายของคนเรา การดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการมีประโยชน์มากมาย เช่น เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง ล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยลดน้ำหนัก เป็นต้น หากดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายเกิดอาการขาดน้ำได้ ซึ่งอาการขาดน้ำนี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปวดหัวไมเกรนได้