“ของสะสม” ในมุมมองของใครหลายคน อาจเห็นว่า เป็นสิ่งของที่นอกจากจะมีเสน่ห์ ในตัวเอง แล้วยังอาจเป็นสิ่งที่สร้างมูลค่าให้กับผู้สะสมได้อย่างมหาศาล ทว่า สำหรับ ดร.แชมป์ หรือ ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ที่นอกจากเป็นผู้ชื่นชอบในการสะสมซูเปอร์คาร์สุดหรูอย่าง Ferrari, Lamborghini แล้วนั้น อีกมุมยังเป็นนักสะสมนาฬิกาตัวยงที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมนาฬิกาเมืองไทยอีกด้วย
รู้จัก ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN นักธุรกิจและผู้บริหารที่ขับเคลื่อนธุรกิจอยู่ในมือมูลค่ามหาศาล ด้านพลังงาน ก๊าซธรรมชาติครบวงจร ยานยนต์ การขนส่ง ตลอดจนธุรกิจก่อสร้างและซ่อมบำรุง สถานีเอ็นจีวี เกือบทั่วประเทศ โดย ดร.แชมป์เล่าถึงภาพรวมการทำงานในวันนี้ให้ฟังว่า “แต่ก่อนที่บ้านทำงานด้านรับเหมาก่อสร้าง จากนั้น ก็ขยับเข้ามาในธุรกิจ การเป็นผู้ผลิตก๊าซเอ็นจีวี รวมถึง เรายังดำเนินการจนส่งก๊าซให้กับทาง ปตท. รวมถึงยังมีการร่วมทุนกับบริษัทต่างประเทศ ทั้งการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด และ โซลาเซลล์”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญธุรกิจพลังงานระดับประเทศ
เรียกว่า เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ ในธุรกิจพลังงานระดับประเทศ “การทำงานทั้งหมดนี้ ทำให้ผมมองเห็นโอกาสในธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ขณะที่การทำงานของผม ก็จะใช้หลักการ Put The Right man on the Right Job หรือการเลือกคนให้เหมาะกับงานที่ทำ โดยแนวคิดหลักของผมจะเป็นการโฟกัสไปที่ Process หรือ ขั้นตอนกระบวนการทำงาน ก่อนผลลัพธ์อยู่เสมอ ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินกันมาเหมือนกันว่า ผู้นำที่ดี จะต้องโฟกัสที่ผลลัพธ์ ไม่ใช่การโฟกัสที่กระบวนการทำงาน ซึ่งผมมองต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”
ดร.แชมป์ อธิบายว่า การโฟกัสไปที่ผลลัพธ์เลย อาจทำให้ ทุกงานหลังจากนี้ เป็นการโฟกัสที่ผลลัพธ์ตลอด และก็จะทำให้ลูกน้องอาจสับสนในใจ เพราะเขาไม่รู้ว่า จะต้องคิดอะไรก่อน ทำตามแต่คำสั่งของเจ้านายที่มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์อย่างเดียว “ตัวของผม ต่อให้งานสำเร็จ ผมก็จะกลับไปดูกระบวนการขั้นตอนการทำงานอีกครั้ง ว่ามีใครกระโดดข้ามขั้นตอน หรือ ลักไก่ อะไรหรือไม่ หากผมมองแล้วว่า การข้ามขั้นตอนนั้น ไม่โอเค ผมก็อาจต้องมาปรับแนวคิดกับลูกน้องอีกครั้ง รวมถึงต้องดูว่า ขั้นตอนที่ถูกข้ามไปนั้น มีผลกระทบอะไรกับผลลัพธ์ของงาน ที่ออกมาหรือไม่ หากไม่มี ผมก็จะยอมให้ตัดขั้นตอนนั้นออก แต่หากข้ามขั้นตอนแล้ว ทำให้กระบวนการทำงานอื่นๆ ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ผมก็ต้องยังคงขั้นตอนนั้นๆ ไว้เช่นเดิม”
หน้าที่การงาน และไลฟ์สไตล์ เรื่องเดียวกัน
เรื่องของงาน ถือว่า เป็นสิ่งที่ ดร.แชมป์ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด “เวลาทั้งหมดของผม ทุ่มให้กับการทำงานแบบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ครับ ขณะที่เวลาส่วนของผม ก็เป็นเรื่องงานเหมือนกัน หน้าที่ของผม อาจไม่ใช่คนที่จะต้องเดินไปลงมือทำเอง ในระดับล่าง แต่ผมเองก็ต้องเป็นคนที่ดูภาพรวม และภาพใหญ่ขององค์กร รวมไปถึงระบบการทำงานทั้งหมด ซึ่งตรงนี้เอง เป็นสิ่งที่จะทำให้ผมมองเห็นช่องทางในการสร้างรายได้ และผลกำไรจากการทำงาน”
“การทำงานของผม สิ่งแรกที่เราต้องคำนึงถึงให้มากก็คือ เราต้องมีพาร์ทเนอร์ทีดี และ มีลูกค้าที่ดี” ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ ดร.แชมป์ สามารถเจอพาร์ทเนอร์ ที่ดี และ ลูกค้าที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ยากเลย แค่เพียงมีของสะสม โดยของสะสมที่ว่านี้ ก็คือ นาฬิกาแบรนด์หรู “ผมเป็นคนที่ชอบนาฬิกามาก อาจจะมากกว่า รถซูเปอร์คาร์ ด้วยซ้ำ ผมเริ่มสะสมนาฬิกา มาตั้งแต่อายุ 16 ปี และนาฬิกาเหล่านั้น ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่ปูทางให้ผมมีสังคม ขณะที่สังคม ที่ผมไปอยู่ในนั้น ยังเป็นการบ่งบอกถึงความมีรสนิยม ของผมและคนในกลุ่มสังคมอีกด้วย และสังคมนั้น ก็ยังเป็นที่มาของงาน และอะไรอีกหลายๆ อย่าง จากคนที่มีความเข้าใจในเรื่องเดียวกัน”
ของสะสมบอกความเป็นตัวตน
ดร.แชมป์ ยังได้ตอกย้ำแนวคิดข้างต้นด้วยว่า “ผมค่อนข้างมั่นใจว่า คนที่สวมนาฬิกาเรือนละ 15-20 ล้าน เขาน่าจะมีธุรกิจที่มั่นคง พอสมควร ซึ่งบางงาน ที่ผมมีโอกาสได้เข้าถึง ก็มาจากคนที่อยู่ในสังคมกลุ่มเดียวกันนี้ หรือ บางครั้ง ผมไปส่งลูกที่โรงเรียน ผมก็ยังได้ลูกค้ากลับมาอีกด้วย ดังนั้น ทุกเวลาของผม คือเวลาของการทำงานเกือบทั้งหมด งานกับไลฟ์สไตล์ของผม เป็นสิ่งที่มาช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกัน และนั่นก็กลายเป็นสิ่งที่ผมชอบด้วย เพราะผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบเข้าสังคม หลายๆ ครั้งเหตุผลที่ทำให้ผมชอบซื้อของ เพราะผมอยากได้เพื่อน อยากเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่เข้าใจกันในเรื่องเดียวกัน อยากรู้ว่าคนที่ชอบของแบบเดียวกันเป็นอย่างไร ซึ่งนาฬิกา นอกจากจะเป็นเครื่องมือบอกเวลาได้อย่างดีแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยคัดคนให้กับเราได้อย่างดีทีเดียว
สำหรับนาฬิกาเรือนแรก ของ ดร.แชมป์ เป็นนาฬิกา TAG HEUER “เป็นนาฬิกาเรือนแรก ที่คุณพ่อของผมซื้อให้ตอนเด็ก ส่วนเรือนต่อมาที่ชื่นชอบและมีนัยะสำคัญ มีคุณค่าทางจิตใจอีกเรือน เป็น Rolex Thunderbird สายจูบิลี่ ซึ่งเป็นนาฬิกาของคุณพ่อผม อายุตอนนี้ก็ราวๆ 60 กว่าปีแล้วเห็นจะได้ ซึ่งดูมีความวินเทจสักหน่อย และความพิเศษคือเป็นนาฬิกานักบิน ตัวแรกๆ เลย ที่ผลิตมาเพื่อให้นักบินธันเดอร์เบิร์ด ในสมัยนั้นสวมใส่ นอกจากนั้นที่ผ่านมาก็ยังมีสะสม พันนาราย (Panerai) ซึ่งนับรวมๆ แล้วตอนนี้มีมากถึง 10 กว่าเรือน”
นาฬิกา คือความสุข
ดร.แชมป์ เล่าว่าในวันทำงานทั่วไป ปกติจะสวมใส่นาฬิกา Richard Mille เป็นหลัก ส่วนนอกเหนือจากนั้นที่เป็นไฮไลท์และมีสะสมไว้ ได้แก่ Patek Phillippe รุ่นลิมิเต็ม เอดิชั่น ที่หายากอีกหลายเรือน นอกจากนี้ยังมี Audemars Piguet และ Rolex เป็นต้น ซึ่งมีสะสมรวมกว่า 40 เรือนในตอนนี้ รวมๆ มูลค่ากว่าร้อยล้าน และการเลือกใช้งานในแต่ละเรือนก็จะสลับๆ กันไป ขึ้นอยู่กับโอกาสต่างๆ ยิ่งผมเป็นคนที่ชอบแต่งตัวด้วย เวลาแต่งตัวในแต่ละคาแร็คเตอร์ ผมก็จะมีนาฬิกาหลายแบบ ที่บ่งบอกความเป็นคาแร็คเตอร์ของตัวเองในวันนั้นๆ ผมมองว่า เครื่องประดับที่เหมาะสำหรับผู้ชาย และทำให้ดูดีที่สุดอย่างเดียวเลยจริงๆ ก็คือ นาฬิกา นอกจากนี้ นาฬิกา ยังทำให้เรามีสังคม คัดกลุ่มคนที่เราต้องรู้จักและพบปะ ก็จะมีสังคมของคนที่ชื่นชอบและสะสมนาฬิกา และเวลายิ่งคุยด้วยกันก็จะสนุกมาก ดังนั้นการสะสมนาฬิกาจึงเป็นอีกหนึ่งความสุขของผม”
มุมมองของการสะสมนาฬิกา
สำหรับคนที่อยากสะสมนาฬิกา ดร.แชมป์ ยังบอกว่า สิ่งแรกเลยก่อนที่จะสะสมนาฬิกา ต้องรู้ก่อนว่า ตัวของเรามีวัตถุประสงค์อะไรเป็นสำคัญ ในการสะสมนาฬิกา “เพราะที่ผ่านมา หลายคนอยากเล่นนาฬิกา แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาเล่นเพื่ออะไร บางคนแค่อยากเกร็งกำไร เพราะตอนหลังๆ มานี้ ราคานาฬิกาแต่ละรุ่น มีราคาสูง คนที่เล่นแล้วคิดว่าจะเอามาเก็งกำไร บอกเลยว่า หากเล่นไม่เป็น มีแต่ขาดทุน บางคนแทบไม่เหลืออะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า นาฬิกาแบรนด์นี้ มาจากไหน รุ่นอะไร แล้วจะไปต่ออย่างไร อย่างบางคนซื้อนาฬิกา เรือนละ 2 ล้านกว่าบาท พอซื้อปุ๊บ อีก 5 เดือนถัดมา ราคาดิ่งลงมาเหลือแค่ 8 แสนบาท เท่านั้น
“เอาจริงๆ นะ การเล่นนาฬิกาแบบจริงจัง ควรเริ่มจากความชอบก่อน พอขอบแล้วก็ต้องลองใส่ เมื่อ่ใส่แล้วรู้สึกมั่นใจ ก็ต้องเริ่มศึกษานาฬิกาในแต่ละเรือน เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อคุณยิ่งมีความรู้เกี่ยวกับนาฬิกามากเท่าไร คุณก็จะรู้ทิศทาง และแนวโน้มของนาฬิกาในแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ ว่าจะไปต่ออย่างไร สำหรับผมแล้ว เรียกว่า รู้หมดทุกรายละเอียดของนาฬิกาในแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น และผมก็ยอมรับด้วยว่า นาฬิกาแต่ละรุ่น จะเป็นตัวบ่งบอกถึง รสนิยม และคาแร็คเตอร์ ของคนๆ นั้น” ดร.ฤทธี ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเลือกสวมใส่นาฬิกา
“ของสะสมบางชิ้น ไม่เพียงจะมีมูลค่าสูง แต่ยังเป็นสิ่งที่บอกความเป็นตัวตน รสนิยมของผู้สะสมได้เป็นอย่างดี”
ของสะสมของ ดร. แชมป์ ล้วนมีมูลค่าสูงแทบทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากสามารถสร้างมูลค่าให้กับผู้สะสมมากมาย โดยเฉพาะมูลค่าทางจิตใจ ที่สร้างความสุข และสร้างเสน่ห์ให้กับตัวของเขาอีกด้วย …. ทั้งนี้ ดร. ยังเปิดโอกาสทิ้งท้าย สำหรับใครที่ชื่นชอบในการสะสมนาฬิกาหรู สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้