ตั้งแต่สมัยโบราณ ช็อกโกแลต เป็นสัญลักษณ์ของ ความรัก ความดึงดูด ความลึกซึ้ง ความหรูหรา ความหลงใหล และความเย้ายวน
ในเวลาต่อมาได้มีนักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาต่างๆ และค้นพบว่า ช็อกโกแลต มี ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) ทีโอโบรไมน์ (Theobromine)
มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขที่ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง มีความสุข และเพิ่มพลังงานในร่างกาย ให้ความรู้สึกเหมือนแบบเดียวกันกับอาการตกหลุมรัก
ช็อกโกแลตมาจากต้น “Theobroma cacao” ซึ่งในภาษากรีกแปลว่า “อาหารสำหรับเทพเจ้า”
ผู้คนในสมัยก่อนจึงตระหนักว่าถ้ามันดีพอสำหรับพระเจ้า มันจะต้องดีสำหรับคนที่ฉันรักเช่นกัน
โดยพื้นฐานแล้วเราให้ ช็อกโกแลต กันใน วันวาเลนไทน์ เพราะนักธุรกิจผู้รอบรู้ได้ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ทางการตลาดโดยการออกแบบกล่องบรรจุช็อกโกแลตให้เป็นรูปหัวใจ เพิ่มการตกแต่งด้วยกามเทพ หรือการสร้างเป็นสัญลักษณ์ของการส่งจูบ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าของพวกเขา
วันวาเลนไทน์ เป็นการเฉลิมฉลองความรักในความหมายที่กว้างและเป็นสากลที่สุด ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นคนมอบช็อกโกแลตให้กับผู้ชาย และแม้แต่เด็กๆ เองก็แบ่งปันขนมหวานนี้กับพ่อแม่ของพวกเขา ทั้งนี้เพราะ ช็อกโกแลต มีผลช่วยทางจิตใจและอารมณ์อย่างมากต่อผู้คน
สามารถเป็นตัวแทนเพื่อแสดงคำขอโทษอย่างจริงใจ หรือใช้ในการแสดงความยินดีเพื่อสะท้อนถึงความรัก มิตรภาพ และเป็นการให้กำลังใจให้
ด้วยประโยชน์เหล่านี้บวกกับรสชาติความอร่อยที่ปฏิเสธได้ยากจึงทำให้มันกลายเป็นขนมที่แสดงถึงความรักได้ดีมากที่สุด
ขอขอบคุณที่มา: