1) ความสนใจบนโซเชียลลดลง
นิวส์ฟีดบนโซเชียลมีเดีย จะมีปฏิสัมพันธ์น้อยลง แต่ข่าวสารมากขึ้น ทุกวันนี้ผู้ใช้งานเฟสบุ๊ค โพสต์เรื่องราวส่วนตัวน้อยลง ทำให้ปริมาณของเนื้อหาที่น่าสนใจลดน้อยลงไป สวนทางกับเนื้อหาของธุรกิจและโฆษณาที่ปรากฎบนหน้าฟีดของผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความสนใจของแต่ละบุคคล ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้งานโดยเฉพาะจำนวนของ "ข่าวสารปลอม" ที่มีมากขึ้น บางทีผู้ใช้งานอาจกำลังมองหาแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ ในการติดต่อสื่อสารและอัพเดตข้อมูลส่วนตัวกับเพื่อนและครอบครัว เนื่องจากเริ่มเบื่อหน่ายกับข้อมูลที่ไม่น่าสนใจบน Facebook แต่ก็มี Messenger และ Facebook Groups ที่ยังได้รับความนิยมสูง
2) ผู้ใช้งานจะเริ่มอ่านข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานแอปพลิเคชัน
ผู้ใช้งานจะเริ่มอ่านข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานแอพพลิเคชั่น ภายในกลางปี 2561 กลุ่มสหภาพยุโรปจะผ่านร่างกฎหมายให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค ฉบับใหม่ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ลูกค้าหรือผู้ใช้งานบริการดิจิทัลทุกคนมีสิทธิความเป็นเจ้าของของข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นในระหว่างการใช้บริการนั้นๆ กฎข้อบังคับดังกล่าวจะช่วยปกป้องข้อมูล นอกจากนี้แล้วยังเป็นการเปลี่ยนขั้นตอนของบริษัทผู้ให้บริการในการขออนุญาตนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามาใช้
ยังไม่มีบทสรุปว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานในทวีปเอเชียอย่างไรบ้าง แต่คาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลมาถึงในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีนี้ บริษัทชั้นนำของโลก เช่น Google และ Facebook คงจะต้องการประกาศใช้ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานชุดใหม่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
3) เอไอ-ดีฟเลิร์นนิ่งบุกตลาด
ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และการเรียนรู้เชิงลึก (ดีฟ เลิร์นนิ่ง) ทำให้เราได้พบกับนวัตกรรมที่เปรียบเสมือนมายากล เช่น รถยนต์ไร้คนขับและระบบจดจำใบหน้า แต่ที่ผ่านมา เทคโนโลยีชั้นสูงเหล่านี้เป็นได้แค่เพียงสิ่งที่สร้างความฮือฮาเท่านั้น เชื่อว่าในปี 2561 เทคโนโลยีดีฟ เลิร์นนิ่ง จะถูกนำมาใช้งานจริงในตลาดวงกว้าง ไม่จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว เช่นในอุตสาหกรรม สุขภาพ พลังงาน การขนส่งและโทรคมนาคม
4) Blockchain ถึงเวลาก้าวข้ามระบบทางการเงิน
ในปัจจุบันนี้ ปัญหาของบล็อกเชน เริ่มทวีความซับซ้อนมากขึ้น โดยในปีนี้ เราอาจจะได้เห็นความพยายามในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน นอกเหนือจากระบบการเงิน เป็นที่รู้กันดีว่า เป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังบิทคอยท์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ต้องการตัวกลางในการรับรองการทำธุรกรรม ดังนั้น นักพัฒนาระบบจำเป็นที่จะต้องสามารถแก้ไข ปรับเปลี่ยน และอัพเกรดเทคโนโลยี รวมถึงการตัดสินใจเชิงวิศวกรรม
5) ปี 2561 รวม "โลกเสมือน" เข้าด้วยกัน
เรารู้สึกเหมือน Pokmon Go เป็นสิ่งที่ผ่านมานานแล้ว และเทคโนโลยี Augmented Reality ก็พร้อมที่จะก้าวต่อไป แม้ว่าเราคงจะไม่ได้เห็นการเปิดตัวแว่น AR ของ Google ในอนาคตอันใกล้ แต่เราคาดการณ์ว่าจำนวนของแอพพลิเคชัน AR จะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณในปี 2561
ระบบปฏิบัติการล่าสุดของ iPhone มีฟังค์ชันบิวด์อินสนับสนุนการใช้งานโลกเสมือนซึ่งทำงานร่วมกับกล้องของโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการลดความซับซ้อนในการพัฒนาโปรแกรมและเทคโนโลยี AR และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม iOS หลายแสนราย คาดว่าจะมีแอพพลิเคชันนำทางที่ใช้กล้องและการทับซ้อนภาพบนเส้นทางการเดินทางของผู้ใช้งาน รวมไปถึงเกมส์อื่นๆ ที่นอกเหนือไปจาก Pokmon Go พร้อมให้โหลดใช้งานจากแอพสโตร์
6) Virtualization เปิดประตูสู่ 5G ในโอลิมปิกฤดูหนาว
5G จะถูกนำมาเปิดตัวใช้งานเป็นครั้งแรกในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะถูกจัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ นอกจากการได้เห็นการพัฒนาและการทดสอบคุณสมบัติทางเทคนิคขั้นสูง เรายังหวังที่จะได้เห็นการนำเอาเทคโนโลยี 5จี มาประยุกต์ใช้งานจริง ดังนั้นในปี 2561 จะเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์แห่งการเปิดตัวของเทคโนโลยี 5 จี
7) ถึงเวลาเลิกพก กระเป๋าเงิน
อุปกรณ์มากมายหลายชนิดจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการชำระเงิน เช่น กุญแจรถ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ สมาร์ทโฟน รถยนต์ที่เชื่อมต่อกัน นาฬิกาสปอร์ต เป็นต้น เอไอ และอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) เป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังบริการอัจฉริยะ และบริการจำเพาะต่อบุคคลต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าและบริษัทต่างๆ สามารถสร้างโซลูชันช่วยในการตัดสินใจทางการเงิน การบริหารจัดการความเสี่ยง และการลดต้นทุน เป็นต้น
จะมีการเปิดตัวระบบการชำระเงินใหม่ๆ ทั่วโลก ในทวีปเอเชีย เราจะได้เห็นการเติบโตของธนาคารที่ใช้ระบบไอโอทีมากขึ้น ส่วนในยุโรปจะมีการเปิดตัวบริการชำระเงินแบบ Payment Service Directive 2 (PSD2) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้องค์กรภายนอก เช่น ฟินเทคสตาร์ทอัพ ได้เข้าถึงข้อมูลของลูกค้าธนาคาร
นี่คือการปูทางให้เกิด "Open Banking" และนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนช่วยลดปัญหาในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงระบบนิเวศของการชำระเงินของผู้ให้บริการโทรคมนาคมในปัจจุบัน โดยการรักษาความปลอดภัยจะเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการเจาะระบบผ่านทางอุปกรณ์ชำระเงินจากบรรดาอาชญากรไซเบอร์ด้วย
"ปี 2561 เทคโนโลยีดีพ เลิร์นนิ่ง จะถูกนำมาใช้งานจริงในตลาดวงกว้าง ไม่จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว" ลาร์ส นอร์ลิ่ง
ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยจะเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการเจาะระบบผ่านอุปกรณ์ชำระเงินจากอาชญากรไซเบอร์ครับ