แผ่นดินทองคำ ทำให้ชาวพิษณุโลก เดือดดาน หลังจากกระทรวงอุตสาหกรรมมอบอาชญาบัตรพิเศษสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำครอบคลุมลงไปบนที่ดินอยู่อาศัยทำกินของประชาชน ราว 3 แสนไร่ มาตั้งแต่ปี 2549 กระทั่งคำสั่งคสช.สั่งปิดเหมืองในปี 2560
23 มีนาคม 2565 ชาวบ้านทราบว่าผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก กำหนดให้พื้นที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยเป็นสีขาวทะแยงเขียว หรือเป็นป่าอนุรักษ์ ทั้งที่ประชาชน อยู่อาศัยทำกินมายาวนานโดยได้รับสิทธิ์การเช่าทำประโยชน์ จากสหกรณ์ นิคมวังทอง มากว่า 20 ปี บางส่วนเป็นที่สปก.
การประกาศให้ที่ดินอยู่อาศัยทำกินของชาวบ้านกลับไปเป็นป่าอนุรักษ์ ผลทางกฎหมาย จะทำให้ชาวล้านขาดสิทธิในที่ดิน อยู่อาศัยทำกินเดิม และถ้าหากมีการบังคับใช้กฏหมาย ชาวบ้านจำนวนมากจะถูกดำเนินคดี และถูกขับไล่ออกจากที่ดินของตนเอง
28 มีนาคม 2565 กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ นำโดย อารมณ์ คำจริง และวันเพ็ญ พรมรังสวรรค์ พร้อมตัวแทนชาวบ้าน 5 จังหวัด ขอให้นายกรัฐมนตรี เร่งตรวจสอบกรณีกำหนดให้ที่ดินอยู่อาศัยทำกินของประชาชนจำนวนมากกลับไปเป็นที่ดินของรัฐ หลังจากที่มีอาชญาบัตรพิเศษครอบคลุมลงไป อันจะส่งผลทำให้ที่ดินอยู่อาศัยทำกินของประชาชนกลับไปเป็นที่ดินของรัฐ เพื่อง่ายแก่การอนุญาตให้บริษัทเหมืองทองคำ ขอใช้ที่ดินจากรัฐ
กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ยังได้เดินทางไปยื่นทวงถามความชัดเจนจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ ทับลงไปบนที่ดินอยู่อาศัยทำกินของชาวบ้าน และอาจมีคำขอประทานบัตร ทับลงไปบนที่ดินอยู่อาศัยทำกินของชาวบ้าน รวมถึงขอให้ยกเลิกเพิกถอนอาชญาบัตรพิเศษ คำขอประทานบัตร ให้ออกไปจากที่ดินอยู่อาศัยทำกินของชาวบ้าน
ชาวบ้านยังยื่นเรื่องคัดค้านการกำหนดเขตป่าอนุรักษ์ ทับลงไปบนที่ดิน ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน เนื่องจาก พื้นที่ที่ประกาศ ชาวบ้านอยู่เป็นชุมชน มีวัด โรงเรียน ไม่มีสภาพเป็นป่า แต่อย่างใด
ชาวบ้านยื่นเรื่องต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้เร่งรีบตรวจสอบสอบสวน กรณี กำหนด และประกาศผังเมืองให้เป็นป่าอนุรักษ์ ลงไปบนที่ดินของชาวบ้านโดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นชุมชน เป็นเมือง เป็นพื้นที่ทางการเกษตร นับเป็นความผิดปรกติ เนื่องจากที่ดินดังกล่าว มีการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ ให้กับบริษัทเหมืองทองคำ ตามกฎหมาย พ.ร.บ แร่ และถูกระบุเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศไปนานแล้ว
การดำเนินการดังกล่าว จะส่งผลทำให้ชาวบ้านต้องขาดสิทธิในที่ดิน แต่บริษัทเหมืองทองคำ จะสามารถยื่นขอใช้ที่ดินจากรัฐในการทำเหมืองทองคำได้ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.แร่ มาตรา 54(4)
กรมโยธาธิการและผังเมืองยันไม่เอื้อเอกชน
อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พรพจน์ เพ็ญพาส ชี้แจงกรณี เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ผู้แทนกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ สมพงษ์ ลิสนเทียะ และ อารมย์ คำจริง เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ปิยะ ลือเดชกุล โดยขอให้เร่งตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีประกาศผังเมืองให้เป็นป่าอนุรักษ์ ทับลงไปบนที่ดินอยู่อาศัยทำกินของประชาชนจำนวนมาก โดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อันจะส่งผลทำให้ที่ดินอยู่อาศัยทำกินของประชาชนกลับไปเป็นที่ดินของรัฐ และง่ายแก่การอนุญาตให้บริษัทฯ สามารถขอใช้ที่ดินจากรัฐในการทำเหมืองทองคำ บริเวณ อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก นั้น
สำหรับประเด็นข่าวที่นำเสนอ กรมโยธาธิการและผังเมือง ขอชี้แจงว่า
1. กรมฯ กำลังดำเนินการปรับปรุงผังเมืองรวมชุมชนเนินมะปราง โดยเป็นการขยายเขตเต็มทั้งอำเภอเนินมะปราง
2. พื้นที่บริเวณที่มีประเด็นถูกกำหนดให้เป็น การใช้ที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ (สีเขียวอ่อนมีเส้นทแยงสีขาว) ซึ่งเป็นการกำหนดตามข้อมูลของกรมป่าไม้ (ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย) และตามข้อกำหนดการใช้ที่ดินประเภทดังกล่าวมีข้อยกเว้นให้ที่ดินเอกชนที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองสามารถอยู่อาศัยได้
3. สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลกได้ดําเนินการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการวางและจัดทำผังเมืองรวมชุมชนเนินมะปราง (ปรับปรุงครั้งที่ 1) จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 23 - 24 มีนาคม 2565 และได้ชี้แจงให้แก่กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ (ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วย) ทราบว่าบริเวณที่กำหนดให้เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้บริเวณพิพาทนั้น เป็นบริเวณที่กำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้ายปรากฏตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ 167 (พ.ศ.2509) และในส่วนของที่ดินทำกินของชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์ ให้ใช้ประโยชน์เพื่อเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัยที่ มิใช่การจัดสรรที่ดิน และกิจการอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในผังเมืองรวมจังหวัดพิษณุโลก มิได้เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทฯ หรือกลุ่มผลประโยชน์แต่อย่างใด
4. อย่างไรก็ตามกรมฯ จะได้นำข้อมูลที่ได้รับจากพี่น้องประชาชนไปตรวจสอบข้อกฎหมายกับกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองขอขอบคุณสำนักข่าวและสื่อมวลชนที่ได้เสนอข่าวดังกล่าว ทำให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนได้ทราบทันสถานการณ์ตามนโยบายของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ที่มอบไว้มา ณ โอกาสนี้