สืบสวนความจริง ตอน อย่าให้คดีเหมืองทองเป็นตราบาปประวัติศาสตร์ไทย
การอนุญาตให้ประทานบัตรเหมืองทองคำ ทั้งที่มีคดีในป.ป.ช.-ดีเอสไอ นั้น คดีนี้เป็นคดีศักดิ์ศรีความมั่นคงของชาติ การดำเนินการใดๆ โดยไม่ใส่ใจความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ จะเป็นตราบาปครั้งประวัติศาสตร์
กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ จาก พิจิตร เพชบูรณ์ และพิษณุโลก ได้เดินทางเข้ามายื่นหนังสือต่อ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อคัดค้านการอนุญาตประทานบัตร ให้กับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด หรือ "คิงส์เกต" ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เจ้าของ “เหมืองทองอัครา” หรือ “เหมืองทองชาตรี” เนื่องจากเห็นว่า การที่กระทรวงอุตสาหกรรม อนุญาตประทานบัตร 4 ฉบับ ให้คิงส์เกต ผิดกฎหมาย
ซ้ำประทานบัตร ที่อนุญาตเป็นแปลงที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัทอัคราฯ กรณีขุดถนนสาธารณะทำเหมืองทองคำ นอกเขตประทานบัตรด้วย
นอกจากไม่อาจจะอนุญาตต่อประทานบัตรได้เนื่องจากทำผิดกฎหมาย ยังต้องเพิกถอนประทานบัตร ตามกฎหมายพ.ร.บ.แร่ 2560 มาตรา 19 ประกอบมาตรา 21
ก่อนหน้านี้ 19 มกราคม 2565 คิงส์เกต เผยแพร่ข่าวผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ ว่า บริษัทฯ ได้รับอนุมัติใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ 4 ฉบับ ในพื้นที่เหมืองทองคำชาตรี จากรัฐบาลไทย อายุประทานบัตร 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2564
กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ให้เหตุผล ที่ต้องยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ และประทานบัตร ให้กับบริษัท คิงส์เกต เนื่องจากเป็นการอนุญาตโดยผิดกฎหมาย ต้องตกเป็นโมฆะ
การอนุญาตประทานบัตร และโรงงานโลหกรรมให้บริษัท คิงส์เกต กลับมาเปิดเหมืองทองอัครา ได้นั้น พบว่าประทานบัตรทับซ้อนกับจุดที่อยู่ระหว่างสอบสวนดำเนินคดี ถึง 6 จุด ดังนี้
จุดที่ 1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1301 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนคดีสั่งฟ้องไปยังอัยการ กรณีเหมืองทองอัครา รุกล้ำทำให้เสื่อมค่า และล่าสุดได้สรุปสำนวนบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ขุดถนนทำเหมืองทองคำนอกเขตประทานบัตร ส่งสำนวนเพิ่มเติมให้อัยการแล้ว เนื่องจากถนนทุกเส้น ถูกกันออกจากแปลงประทานบัตรมาตั้งแต่ต้น
จุดที่ 2 ทางสาธารณะประโยชน์ ที่ถูกขุดหายไปปัจจุบันไม่มีถนนแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนคดีสั่งฟ้องไปยังอัยการแล้ว ข้อหารุกล้ำทำให้เสื่อมค่าซึ่งถนน แต่ ล่าสุด DSI สรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการข้อหาขุดถนนทำเหมืองทองคำนอกเขตประทานบัตรแล้ว
จุดที่ 3 โรงงานโลหกรรม ที่ดีเอสไอลงสอบสวน คดีพิเศษที่ 39/2562 พบว่า มีโรงงานส่วนขยายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้สรุปสำนวนคดีส่งให้ ป.ป.ช. เอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐกรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ล่าสุด ดีเอสไอ ได้เตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัทฯ ในส่วนความรับผิดของเอกชน ผู้ประกอบโลหกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
จุดที่ 4-6 แปลงประทานบัตร ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าไม้ โดยแปลงประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นแปลงเดียวกันกับที่ถูกป่าไม้ แจ้งดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินคดี คือ แปลงเลขที่ 26912/15367
แปลงเลขที่ 26911/15366
และแปลงเลขที่ 26910/15365
กรณีดังกล่าวนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องเพิกถอนประทานบัตร แต่กลับไม่ดำเนินการใด ๆ มาจนถึงขณะนี้ แต่กลับทำตรงกันข้าม คือเร่งรีบอนุญาตประทานบัตร และโรงงานโลหกรรมให้กับบริษัทฯด้วยเหตุใด?
กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ เดินหน้าเคลื่อนไหวปกป้องมาตุภูมิ จากการที่รัฐบาล อนุญาตให้ประทานบัตร 4 แปลง แก่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เจ้าของเหมืองทองคำอัครา
เนื่องจากกลุ่มฯ เห็นว่า ตั้งแต่ คสช.ประกาศให้หยุดการทำเหมือง แต่คดีที่บริษัทเหมืองทองคำทำผิดกฎหมาย กลับไม่มีความคืบหน้า จนถึงปัจจุบัน
31 มกราคม กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ เข้าพบอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ เพื่อคดีตามคดีโรงประกอบ โลหะกรรม ซึ่งอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดี โดยขอให้กรมสอบสวคดีพิเศษ อายัดโรงประกอบโลหะกรรมเอาไวจนกว่าจะมีการดำเนินคดีให้เสร็จสิ้น
เนื่องจากการเดินเครื่องจักรโรงประกอบโลหะกรรมครั้งใหม่ จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานสำคัญที่อยู่ในสำนวนคดี เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้พยานหลักฐานนั้น ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง หรือให้พยานหลักฐานเดิมนั้นเสียหายไป หากหลักฐานสำคัญถูกทำลาย จะเกิดความเสียหายและเปลี่ยนแปลงรูปคดีได้
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถือคดีเหมืองทองอัครา อยู่ในมือหลายคดี กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ขอให้อธิบดีดีเอสไอ เร่งรัดทั้งหมด และแถลงข่าวบอกประชาชนคนไทยให้ได้ทราบ ความคืบหน้าคดี
กรณีนี้มีเหตุผลจำเป็นต้องเร่งรีบดำเนินการ ตรวจสอบ สอบสวนเอาผิดให้ครบถ้วน เนื่องจากบริษัทเหมืองทองคำ ทำผิดกฎหมายประเทศไทยหลายกรณี และความล่าช้าถือเป็นความเสียหายต่อประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน สอบถามแกนนำกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ถึงเหตุผลที่กลุ่มฯ ร้องให้ป.ป.ช.สอบสวนรัฐมนตรียุติธรรม
สำหรับกรณีนี้ ป.ป.ช.ได้เรียกให้กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ เข้าชี้แจงเรื่องร้องเรียน นายสมศักดิ์ และอดีตอธิบดีดีเอสไอ รวมถึงอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเหมืองทองอัครา ในเดือนกุมภาพันธ์ นี้