ปัจจุบันภาพรวมของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกกำลังเติบโต ภายใต้การแข่งขันที่เพิ่มสูงมากขึ้น ล่าสุด นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ติดตามข้อมูลเทรนด์ ศึกษาทิศทางความเป็นไปของตลาดนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรายงานฉบับใหม่ของสถาบันโกลบอลเวลเนส Global Wellness Institute หรือ GWI เกี่ยวกับเศรษฐกิจสุขภาพทั่วโลก คาดการณ์ว่าตลาดจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568 จาก 817 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565
สถาบันโกลบอลเวลเนส Global Wellness Institute หรือ GWI ได้แชร์ข้อมูลเทรนด์การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ปี 2024 ประกอบไปด้วย
1. Wellness Holidays with Kids - การเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับบุตรหลานผ่านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สามารถยกระดับการเรียนรู้ การพัฒนาบุคลิกภาพและการขยายโลกทัศน์ นอกเหนือไปจากความสนุกสนานบันเทิงแต่เพียงอย่างเดียว โดยมุ่งเน้นประสบการณ์อันทรงคุณค่าจากโปรแกรมเวิร์กช็อปเชิงสร้างสรรค์ด้านอาหารและประเพณีท้องถิ่น การเรียนรู้ถึงความหลากหลายทางชีวภาพของท้องถิ่น และการอนุรักษ์
2. Recovery Retreats Shift Their Focus from Sport to Burnout – จากเดิมที่เคยโฟกัสเฉพาะเพียงแค่กลุ่มนักกีฬาที่ประสบปัญหาและต้องการฟื้นฟูร่างกาย แต่ด้วยสภาพสังคมและการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน พบว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับสภาวะอ่อนล้าทางอารมณ์และจิตใจอันเกิดจากความเครียดสะสม ความวุ่นวาย ยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลา (Burnout Syndrome) กำลังกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ควรเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสุขภาพ ด้วยโปรแกรมฟื้นฟูที่ครอบคลุมไปถึงแนวทางการปฏิบัติตน การใช้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนปรัชญาชีวิตเพื่อช่วยฟื้นฟู ดูแล เยียวยาความเครียดทางกายและจิตใจจากกิจวัตรประจำวัน
3. In Search of Calm - การแสวงหาความสงบทางใจ สุขภาพจิตเป็นเทรนด์การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่สนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยความเครียด เหนื่อยล้า การหันมาให้คุณค่ากับการดูแลจิตวิญญาณและอารมณ์ผ่านสถานบำบัดเพื่อสุขภาพที่ผสมผสานศาสตร์ของโยคะ การควบคุมลมปราณ หรือการทำสมาธิก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่กำลังมาแรง
4. The Growing Exploration of Wellness Travel for Men - การดูแลสุขภาพไม่ใช่เป็นเรื่องของคุณผู้หญิงแต่เพียงเท่านั้น จากข้อมูลแนวโน้มล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าผู้ชายเริ่มให้ความสำคัญกับเป้าหมายการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z
5. Diagnostic Boom in Wellness Travel - การตรวจ วินิจฉัย วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ร่างกายกำลังเป็นที่นิยมและเติบโตในหมู่นักเดินทางท่องเที่ยวซึ่งให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในเชิงป้องกัน โดยมุ่งยกระดับประสบการณ์เพื่อสุขภาพด้วยบริการตรวจวินิจฉัยที่ทันสมัย เช่น การตรวจ DNA วิเคราะห์ร่างกาย ประเมินระบบเมตาบอลิซึมไบโอเมตริกซ์และอีพีเจเนติกส์ ควบคู่ไปกับโปรแกรมด้านสุขภาพและสปา ฯลฯ ผสมผสานความเชี่ยวชาญทางการแพทย์เข้ากับการได้รับบริการและการต้อนรับอย่างหรูหรา
6. Art and Wellness: The Perfect Pairing - เทรนด์ใหม่ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะกับการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ สามารถส่งมอบประสบการณ์อันทรงคุณค่าเพื่อสุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณให้กับนักท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อปทางศิลปะที่จะนำไปสู่การค้นพบตัวเองและความผ่อนคลายได้ในอีกทางหนึ่ง
7. Celebrating Culture Traditions and Healing - การเชื่อมโยงวัฒนธรรม ประเพณี การบำบัดเยียวยาแบบพื้นเมือง ผสมผสานศาสตร์สุขภาพท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพร การนวด เทคนิคพิธีกรรมการรักษาที่หลากหลาย การปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการบำบัดการแพทย์แผนโบราณของเอเชียซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางเช่นกัน
8. It’s All About a Good Night’s Sleep - ร้อยละ 58 ของคนทั่วไปรู้สึกไม่พึงพอใจกับการนอนหลับของตัวเอง จึงเป็นที่มาของการนำไปสู่เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ โดยมุ่งแสวงหาโปรแกรมและเทคนิคทางการแพทย์ในการช่วยบำบัดการนอนหลับโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดโดยตรง
“ทั้งหมดนี้คือเทรนด์ล่าสุดของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากทั่วโลก จะเห็นได้ว่ารูปแบบความต้องการของนักเดินทางเปลี่ยนแปลงทุกปี สินค้าและบริการเชิงสุขภาพของไทยนั้นมีความโดดเด่นหลากหลายอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องเกาะติดกระแสโลก เราต้องคอยสร้างสรรค์สินค้าบริการใหม่ ๆ ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกได้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำแบรนด์ประเทศไทยในฐานะเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพครบวงจรของโลกอย่างแท้จริง” รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวสรุป