svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

คนไทยป่วยสุขภาพจิตพุ่ง ปีเดียวพยายามจบชีวิต 2.5 หมื่นราย วัยทำงานรั้งแชมป์

17 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สาธารณสุขห่วงคนไทยมีแนวโน้มป่วยสุขภาพจิตสูงขึ้น เผยสถิติปี 2565 พบผู้ป่วย 2.4 ล้านราย ขณะที่ปีที่ผ่านมามีคนพยายามจบชีวิตกว่า 25,578 ราย เหตุเครียด ซึมเศร้า หมดไฟ โดยกลุ่มวัยทำงานครองแชมป์ แต่กลุ่มผู้สูงอายุมีอัตราทำสำเร็จสูงสุด

หนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) "เป้าหมายที่ 3 สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย" คือลดการตายก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลง 1 ใน 3 ผ่านทางการป้องกันและการรักษาโรค และส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ภายในปี 2573

คนไทยป่วยสุขภาพจิตพุ่ง ปีเดียวพยายามจบชีวิต 2.5 หมื่นราย วัยทำงานรั้งแชมป์

ประเด็นเรื่องของ “สุขภาพจิต” (Mental Health) ของคนไทย

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยถึงปัญหาสุขภาพจิตที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยจากการเก็บสถิติในปี 2558 มีผู้ป่วยเข้ารับบริการด้านจิตเวช 1.3 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 ล้านคน ในปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่าคนไทยมีภาวะเครียด ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และภาวะหมดไฟสูงขึ้นทั้งหมด

โดยข้อมูลอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ จากกรมสุขภาพจิต ปีงบประมาณ 2562-2566 พบแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 7.26 เป็น 7.94 ต่อประชากรแสนคน “กลุ่มวัยทำงาน อายุ 20-59 ปี” มีจำนวนฆ่าตัวตายมากสุด แต่ “กลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป” มีอัตราฆ่าตัวตายสำเร็จสูงสุด คือ 10.39 ต่อประชากรแสนคน ขณะที่หลายฝ่ายต่างกังวลจำนวนคนพยายามฆ่าตัวตายปี 2566 ที่มีมากถึง 25,578 คน

ในจำนวนดังกล่าวพบ “กลุ่มวัยรุ่น/นักศึกษา อายุ 15-19 ปี” มีอัตราพยายามฆ่าตัวตายสูงสุด คือ 116.81 ต่อประชากรแสนคน สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวช (AIMET) ที่ประเมินว่ามีเยาวชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจพบอาการซึมเศร้าสูงถึง 2,200 ต่อประชากรแสนคน

คนไทยป่วยสุขภาพจิตพุ่ง ปีเดียวพยายามจบชีวิต 2.5 หมื่นราย วัยทำงานรั้งแชมป์

“สิ่งสำคัญคือการทำให้ผู้ที่เริ่มมีป้ญหาสุขภาพจิตได้เข้าถึงบริการ โดยเฉพาะการประเมินและให้คำปรึกษาต่อภาวะซึมเศร้า ที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิตได้ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Detection and Monitoring Intelligence Network for Depression (DMIND) เพื่อคัดกรองผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า มีความแม่นยำ เข้าถึงง่าย ใช้สะดวก ช่วยลดภาระงานของแพทย์และนักจิตวิทยาในการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งมีการเชื่อมต่อช่องทางการสื่อสารกับไลน์ ‘หมอพร้อม’ โดยเลือกเมนูคุยกับหมอพร้อม (Chatbot) และเลือกเมนูตรวจสุขภาพใจ เพื่อตอบคำถามจากข้อความคุณลักษณะเฉพาะ พร้อมมีระบบ ตรวจจับการแสดงออกทางหน้าตา น้ำเสียง และประเมินภาวะซึมเศร้าเป็นคะแนน 4 ระดับ คือ ปกติสีน้ำเงิน เสี่ยงต่ำหรือเสี่ยงน้อยสีเขียว เสี่ยงปานกลางสีเหลือง ซึ่งกลุ่มนี้นักจิตวิทยาจะติดต่อกลับให้คำปรึกษาภายใน 7 วัน และเสี่ยงรุนแรงสีแดง จะติดต่อกลับภายใน 1-24 ชั่วโมง” นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2565-ธันวาคม 2566 มีผู้ใช้บริการ DMIND ทำแบบประเมินสุขภาพจิต 180,993 ราย แบ่งเป็น

  • ผู้ที่ปกติ 18,906 ราย
  • ผู้มีความเสี่ยงน้อย 113,400 ราย
  • ผู้มีความเสี่ยงปานกลาง 33,039 ราย
  • ผู้มีความเสี่ยงรุนแรง 15,648 ราย

หรือคิดเป็น 8.1% ซึ่งมีการยินยอมให้ติดตาม 1,118 คน ติดตามสำเร็จ 778 คน โดยกระบวนการติดตามจะดูว่ามีกรณีเสี่ยงฆ่าตัวตายหรือไม่ หากเสี่ยงรุนแรงจะส่งต่อไปยัง Hope Task Force ทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตายให้การดูแล ทั้งนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง DMIND กับระบบหมอพร้อมทำให้การดำเนินงานสะดวกมากยิ่งขึ้น ในอนาคตจึงอาจมีการเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ให้มากขึ้น

คนไทยป่วยสุขภาพจิตพุ่ง ปีเดียวพยายามจบชีวิต 2.5 หมื่นราย วัยทำงานรั้งแชมป์

ทางด้าน นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้มีการพัฒนาและปรับปรุง DMIND ซึ่งมาจากการรับฟังจากความเห็นจากการใช้งานของประชาชน โดยมีแพทย์ AI ให้เลือกพูดคุยปรึกษามากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงแพทย์ AI ผู้หญิง จะเพิ่มทั้งแพทย์AIผู้ชาย และ มีอายุหลากหลายมากขึ้น มีการปรับการพูดคุยของผู้ใช้งานให้เป็นธรรมชาติและกระชับมากขึ้น รวมทั้งในอนาคตจะพัฒนาการทำงานของ DMIND เพิ่ม ได้แก่

1. มีการวิเคราะห์ผู้ใช้งานตาม User Journey เพื่อให้สามารถเข้าใจบริบทของผู้ใช้งาน และสามารถนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้ในการดำเนินงาน

2. ปลดล็อกในส่วนการช่วยเหลือผู้ป่วยขั้นวิกฤตตามกฎหมายของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการติดตามกลุ่มวิกฤตที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายจากการประเมินของ DMIND ทำให้มีความสะดวกและสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที

logoline