svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

หัวจะปวด! เปิดรายชื่ออาหารเครื่องดื่มกินกระตุ้น-ลดไมเกรน

“ไมเกรน” ปวดหัวเรื้อรังที่กระทบชีวิตประจำวัน เลือกกินอย่างไรไม่ให้กระตุ้นอาการ พร้อมแนะนำอาหารเครื่องดื่มที่ช่วยลดการเกิดภาวะไมเกรน

ไมเกรน (Migraine) เป็นอาการปวดหัวเรื้อรังชนิดหนึ่งที่รบกวนชีวิตประจำวัน ที่เกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง ทำให้ก้านสมองถูกกระตุ้น หลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองมีการบีบและคลายตัวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดหัวตุบๆ หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน แพ้แสง จากก้านสมองที่ถูกกระตุ้น อาจมีอาการนำก่อนปวดหัว เช่น เห็นแสงวูบวาบ ไฟระยิบระยับ หรือที่เรียกว่า อาการออร่า (Migraine Aura) ที่ผู้ป่วยจะเห็นเป็นแสงไฟสีขาวๆ มีขอบหยึกหยัก เป็นอาการเตือนนำมาก่อนที่จะเริ่มมีอาการปวดหัวประมาณ 10–30 นาที โดยไมเกรนเกิดได้ทั้งแบบปวดหัวข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมักเป็นในผู้ที่มีความเครียดทางอารมณ์และจิตใจสูง

หัวจะปวด! เปิดรายชื่ออาหารเครื่องดื่มกินกระตุ้น-ลดไมเกรน

อาหารกับไมเกรน

หลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าอาการของ “ไมเกรน” เกิดขึ้นได้เมื่อมีสิ่งกระตุ้น เช่น แสงที่จ้าเกินไป หรือเสียงที่ดังเกิดเหตุ จนทำให้เกิดอาการไมเกรนตามมา แต่น้อยคนนักที่ทราบว่า “อาหาร” บางชนิดก็มีส่วนกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบได้เช่นกัน มาเช็กดูสิว่าเมนูโปรดชนิดไหนบ้างที่มีส่วนกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบ!!

หัวจะปวด! เปิดรายชื่ออาหารเครื่องดื่มกินกระตุ้น-ลดไมเกรน

อาหารกระตุ้นไมเกรน

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในไวน์แดง ที่ทำให้มีอาการปวดหัวภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากดื่ม หรือเกิดตามมาในช่วงท้ายก็ได้ สาเหตุเกิดจากไวน์มีส่วนประกอบของไทรามีน ซัลไฟท์ ฮีสตามีน และฟลาโวนอยด์ ซึ่งสารเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวได้ โดยอาการปวดหัวหลังดื่มแอลกอฮอลล์สามารถเกิดได้บ่อย ซึ่งอาจรวมถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะใจสั่น หงุดหงิด สมาธิแย่ลง อาการปวดหัวดังกล่าวมักจะเกิดในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการรับประทานแอลกอฮอล์ เมื่อร่างกายมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงและสามารถมีอาการดังกล่าวยาวนานถึง 24 ชั่วโมง จนกว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะหมดไป

คาเฟอีน : สารสำคัญที่พบได้ในกาแฟ ชา และช็อกโกแลต ซึ่งรวมถึงยาแก้ปวดหัวที่มีส่วนผสมของสารนี้ คาเฟอีนจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางขึ้นกับขนาดที่รับประทานเข้าไป โดยปกติจะพบในน้ำอัดลม 115 มิลลิกรัม คาเฟอีนในขนาด 50 – 300 มิลลิกรัม มีผลทำให้ร่างกายตื่นตัว หากมากว่า 300 มิลลิกรัม จะทำให้เกิดอาการวิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หงุดหงิด คาเฟอีนสามารถกระตุ้นให้ปวดหัว และยังสามารถช่วยลดอาการปวดหัวได้ ขึ้นอยู่กับขนาดและความถี่ของการใช้ หากใครที่มีอาการปวดหัวบ่อยๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม อาหาร หรือยาที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน

ผงชูรส : สารปรุงแต่งรสชาติอาหารที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง มักถูกใช้สำหรับปรุงรสชาติอาหารให้อร่อย ใช้ในอาหารกระป๋อง และอาหารพร้อมรับประทาน กลไกการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวอาจมาจากการกระตุ้นให้มีการหลั่งสารสื่อประสาทบางชนิด หรือไปกระตุ้นให้เซลล์ของผนังหลอดเลือดหลั่งสารไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว นำไปสู่อาการปวดหัวในที่สุด

สารไทรามีน : เป็นองค์ประกอบธรรมชาติในอาหาร เช่น เนยแข็งที่บ่ม ปลารมควัน เนื้อสัตว์ที่ผ่านกรรมวิธียืดอายุ ของหมักดอง อาหารที่มีส่วนประกอบของยีสต์ เบียร์ เป็นต้น สำหรับผู้ที่มีความไวต่อสารไทรามีน เมื่อรับประทานอาหารเหล่านี้เข้าไปจะทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ใครกินขนมปัง พิซซ่า แล้วชอบปวดหัวรู้ตัวแล้วนะ!

สารแอสปาแตม : สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่พบในเครื่องดื่มหลากชนิดในปัจจุบัน ที่ให้รสหวานกว่าน้ำตาลปกติ 180–200 เท่า แม้จะไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการว่าเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวหรือไมเกรน แต่มีการศึกษาพบว่าในผู้ป่วยบางรายมีอาการปวดหัวหลังรับประทานสารแอสปาแตม

ไนเตรตและไนไตรท์ : เป็นสารกันบูดที่ใช้ในการถนอมอาหาร อาหารหมักดอง หรืออาหารรมควัน เช่น ไส้กรอก เนื้อรมควัน หรือปลารมควัน หลังจากรับประทานอาหารที่มีสารดังกล่าวอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวในทันที หรืออาจจะใช้เวลานานกว่านั้น เป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมงก็ได้ กลไกการกระตุ้นให้ปวดหัวอาจเกิดจากสารดังกล่าวไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารไนตริกออกไซด์หรือสารที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัวชนิดอื่นๆ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว ผู้ป่วยที่มีความไวต่อสารนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของโซเดียมไนไตรท์ โซเดียมไนเตรต โพแทสเซียม ไนไตรท์ และโพแทสเซียมไนเตรต

รู้ได้อย่างไรอาหารไหนเสี่ยงไมเกรน?

สิ่งที่กระตุ้นให้คนหนึ่งปวดไมเกรนอาจไม่กระตุ้นอาการของคนอื่นก็ได้ วิธีดีที่สุดที่จะพิจารณาว่าอาหารมีผลต่ออาการไมเกรนของคุณหรือไม่ ได้แก่ ทำบันทึกอาหารที่กิน เมื่อเกิดอาการปวดหัวพยายามนึกดูว่าคุณกินอะไรเข้าไปบ้างในช่วง 12 ชั่วโมงก่อนนั้น ถ้าพอดูออกแล้วควรงดอาหารชนิดนั้นสัก 2 สัปดาห์ขึ้นไป แล้วค่อยกลับไปลองกินดูอีกครั้งว่ายังทำให้เกิดอาการไหม แต่อย่าลืมว่าที่สำคัญพอๆ กับงดอาหารที่อาจกระตุ้นอาการ คือ ห้ามอดอาหาร เพราะการไม่กินตามปกติก็อาจทำให้เกิดไมเกรนเช่นกัน

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารให้ตรงเวลาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการอดอาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวจากการศึกษาพบว่า การอดอาหารเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้ 40–57% สำหรับบ้านใดที่ไม่อยากให้ไมเกรนแผลงฤทธิ์ การทราบถึงอาหารที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวมีความสำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหนี่ยวนำที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวได้

 

หัวจะปวด! เปิดรายชื่ออาหารเครื่องดื่มกินกระตุ้น-ลดไมเกรน

อาหารช่วยลดไมเกรน

มีสารอาหารบางชนิดที่ช่วยลดอาการปวดหัวได้ แถมถ้ากินเป็นประจำไม่ต้องรอให้ปวดยังมีส่วนช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการปวดหัวบ่อยๆ ได้ด้วย ไม่เชื่อต้องลองดู ว่ามีอะไรบ้าง

แตงโม : ถ้ากำลังสงสัยว่าผลไม้ธรรมดาอย่างแตงโม จะช่วยเรื่องปวดหัวได้อย่างไร เพราะแตงโมนอกจากจะเป็นผลไม้ที่มีน้ำมากที่สุด ซึ่งจะช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้ ในกรณีที่อาการปวดหัวอาจเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำ ทำให้ปริมาณออกซิเจนในเลือดลดลง ในแตงโมยังมีแร่ธาตุ เช่น โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในระบบการทำงาน

ข้าวกล้อง : ใครที่มีโรคประจำตัวคือปวดหัวไมเกรน แนะนำให้เปลี่ยนจากการรับประทานข้าวขาว มารับประทานข้าวกล้องแทนให้ได้ทุกวันจะดีมาก เนื่องจากในข้างกล้องมีวิตามินบีสูงกว่าข้าวขาวถึง 4 เท่า ซึ่งจะช่วยบำรุงระบบประสาทและรักษาสมดุลของสมอง อีกทั้งข้าวกล้องยังอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่สำคัญอย่าง แมกนีเซียม กรดโฟเลท ธาตุเหล็ก แมงกานีส และ ซิลิเนียมซึ่งจะช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือดในร่างกาย ลดความรุนแรงของอาการปวดหัวได้ ในข้าวกล้องยังมีไฟเบอร์สูงถึง 1.1 กรัมต่อข้าวกล้อง 55 กรัม ที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

ปลาทะเล : ในปลาทะเลทุกชนิดแม้แต่ปลาทูหรือปลาซาร์ดีนก็อุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีคุณสมบัติลดอาการปวด อาการอักเสบ และช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาท มีการศึกษาพบว่า การทานโอเมก้า 3 เป็นประจำในปริมาณที่เพียงพอ ช่วยลดความถี่ของการปวดหัวไมเกรนลงได้

น้ำขิง : ขิง ถือเป็นพืชสมุนไพรของไทยที่อยู่ในอาหารหลายอย่างในชีวิตประจำวันที่เราทานกันบ่อยๆ ในเมนูอาหารทั้งคาวหวานมากมาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอาการไข้หวัด เรามักจะได้ยินว่า ดื่มน้ำขิงสิ ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ นั่นเพราะขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน และยังมีสารที่ลดช่วยอาการอักเสบในร่างกายได้ เรื่องลดอาการปวดหัวก็เช่นกัน มีการศึกษาพบว่าการรับประทานขิงในขณะที่มีอาการปวดหัวไมเกรน จะช่วยความรุนแรงของอาการปวดได้ ขิงยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันได้อีกด้วย การทานขิงนั้นก็ไม่ยาก แค่ฝานบางๆ น้ำมาคั้นน้ำแล้วผสมกับน้ำอุ่นดื่มเป็นน้ำขิง แต่ข้อควรระวังก็คือ ขิงมีฤทธิ์เผ็ดร้อน จึงไม่ควรทานเกิน 5 กรัมต่อวัน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน

ใบบัวบก : น้ำใบบัวบกช่วยแก้ช้ำใน คือการลดอาการร้อนใน หรือลดภาวะเลือดข้นไหลเวียนไม่ดี นั่นเลยหมายถึงว่าคนที่มีอาการปวดหัวบ่อยๆ เพราะเลือดไม่ไหลเวียน ร้อนใน ดื่มน้ำน้อย หรือมีภาวะความดันสูง การกินใบบัวบกจะช่วยลดภาวะร้อนใน ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และยังมีสารที่ออกฤทธิ์กับสมอง ลดความเครียด ความวิตกกังวล มีสารต้านอนุมูลอิสระ สร้างสมดุลสื่อประสาท ทำงานคล้ายคุณสมบัติของใบแปะก๊วยเลยทีเดียว การดื่มน้ำใบบัวบกนั้นอาจไม่ง่าย เพราะเป็นพืชที่มีรสขมนิดๆ แต่อาจผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยจะช่วยให้ดื่มได้ง่ายขึ้น

ผักโขม : เชื่อไหมว่าถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผัก แต่ผักโขมหรือ Spinach นั้นเป็นผักที่มีโปรตีน และแคลเซียมสูงมาก ในผักโขมยังมีสารที่ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนเลือด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบสมองและหัวใจ ลดคอเลสเตอรอลและความดันซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหัวในผู้ป่วยความดันสูง หรือคอเลสเตอรอลสูง

งาขาว : ในผู้หญิงที่มักจะปวดหัวไมเกรนในช่วงที่มีรอบเดือน เชื่อไหมว่าการกินงาขาวนี่ล่ะช่วยได้ เพราะงาอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ป้องกันการเกิดไมเกรนในช่วงรอบเดือน และยังช่วยปรับระบบการไหลเวียนเลือด มีแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมสูงอีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างอาการปวดหัว เลือดไหลเวียนไม่ดี หรือปวดไมเกรนบ่อยๆ ลองเลือกเมนูอาหารที่มีอาหารเหล่านี้และทานเป็นประจำ ไม่ต้องรอให้มีอาการปวด แล้วลองสังเกตตัวเองดูว่าอาการปวดหัวที่มาบ่อยๆ นั้น ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า ถี่น้อยลง หรือรุนแรงน้อยลงบ้างไหม