svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

เคล็ดลับสุขภาพ : ภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง อันตรายถึงตาย!!

25 สิงหาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไม่ใช่แค่กินยาแล้วหาย เตือน "ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง" หมั่นตรวจเช็กความดันเป็นประจำ หวั่นความดันสูงมากจนอยู่ในเกณฑ์อันตราย เปิดโอกาสภาวะแทรกซ้อนเสี่ยงภัยถึงชีวิต

อาการของ “โรคความดันโลหิตสูง” ที่บางคนเป็นอยู่หลายปี อาจไม่มีอาการใดๆ จนเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง ในบางรายอาจมีอาการปวดหัว เลือดกำเดาไหล หายใจไม่ทัน ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีก็ต่อเมื่อมีความดันสูงมากจนอยู่ในเกณฑ์อันตรายและอาจเสียชีวิตได้

เคล็ดลับสุขภาพ : ภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง อันตรายถึงตาย!!

โรคความดันโลหิตสูง เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย หากมีความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานและไม่ได้รับการรักษา จะเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่ฝังอยู่ในตัวเรารอวันแสดงอาการ ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะที่สำคัญ ดังนี้

เคล็ดลับสุขภาพ : ภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง อันตรายถึงตาย!!

ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง

อันตรายต่อหัวใจ

หัวใจขาดเลือด : ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา ผนังกล้ามเนื้อหัวใจขยายตัวใหญ่ขึ้นแต่ไม่แข็งแรง ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น หลอดเลือดหัวใจหนาขึ้น เสี่ยงต่อการขาดเลือดได้ง่ายยิ่งขึ้น

ภาวะหัวใจล้มเหลว : เมื่อมีความดันสูง หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปั๊มเลือดไปทุกส่วนของร่างกาย กล้ามเนื้อที่หัวใจจึงหนาขึ้น ในระยะยาวหัวใจอาจไม่สามารถปรับตัวได้อีกจนไม่สามารถปั๊มเลือดไปส่งได้พอเพียง หรืออาจมีผลต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ

อันตรายต่อสมอง  

อัมพฤกษ์ อัมพาต : โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดต่อการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดสมองตีบตันหรือเลือดออกในสมอง หากลดความดันโลหิตโดยเฉลี่ยลงมาได้ 10 มิลลิเมตรปรอท จะสามารถลดการเกิดอัมพฤกษ์ตลอดชั่วอายุได้ถึง ร้อยละ 20

เส้นเลือดสมองโป่งพอง : ผนังเส้นเลือดอ่อนตัวลง และโป่งพองจนแตกได้

อันตรายต่อไต

ความดันโลหิตสูงเรื้อรังทำให้เนื้อไตที่เกี่ยวข้องกับการกรองของเสียออกจากร่างกายเสื่อม ส่งผลให้ไตเสื่อมสมรรถภาพ ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ มีการสูญเสียโปรตีนออกมาในปัสสาวะ เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน หรือไตวายเรื้อรังได้

อันตรายต่อดวงตา

ทำให้หลอดเลือดบริเวณจอรับภาพของตาแตก หรือมีเลือดออก ประสาทตาเสื่อม ตามัว และตาบอดได้

อันตรายต่อหลอดเลือด

หลอดเลือดแดงใหญ่เกิดการโป่งพองหรืออาจเกิดการฉีกขาดของผนังหลอดเลือด หากรุนแรงอาจเสียชีวิตได้

อันตรายต่อภาวะเมทาบอลิก

 การที่ระบบเผาผลาญมีความผิดปกติหลายอย่าง ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ไขมันในเลือดชนิดดี (HDL Cholesterol) ต่ำ ความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

มีปัญหาในการจำและทำความเข้าใจ

ทำให้ความสามารถในการคิด จดจำ และเรียนรู้ต่ำลง  

เคล็ดลับสุขภาพ : ภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง อันตรายถึงตาย!!

วิธีการป้องกันไม่ให้เป็น "โรคความดันโลหิตสูง"

  • หลีกเลี่ยงอาหารเค็มทุกชนิด โดยปริมาณเกลือที่รับประทานรวมทั้งวันไม่ควรเกิน 1 ช้อนชา หลีกเลี่ยงการปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำปลา หรือ ซีอิ๊ว เนื่องจากอาหารไทยโดยพื้นฐานมีความเค็มมากอยู่แล้ว
  • ควรบริโภคอาหารแบบสมดุลครบ 5 หมวด มีการหมุนเวียนการบริโภคอาหาร โดยเน้นผักและผลไม้ที่ให้สารอาหารโพแทสเซียม เช่น ฟักทอง บร็อคโคลี่ ผักโขม มะเขือเทศ มะละกอ กล้วย มะม่วง ฝรั่ง เป็นต้น ควรดื่มนมและผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำที่ให้แคลเซียม ธัญพืชและถั่วเปลือกแข็งที่ให้แมกนีเซียม และเส้นใยอาหาร เช่น ถั่วแดง เต้าหู้ งา เป็นต้น
  • ควบคุมน้ำหนักตัว โดยสำหรับคนไทย เส้นรอบเอวไม่ควรเกิน ส่วนสูงของตัวเองหารด้วย 2 ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3-4 วัน ต่อสัปดาห์ วันละ 30-60 นาที
  • งดหรือลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  • ตรวจสุขภาพ ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยทุก 2 ปี และอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ทั้งนี้ ผู้ที่มีความดันโลหิตระหว่าง 120/80 ถึง 139/89 มม. ปรอท จัดเป็นกลุ่มเสี่ยง ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสเกิด "โรคความดันโลหิตสูง"

 

 

Source : โรงพยาบาลรามคำแหง / โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

logoline