
แผ่นดินไหวในครั้งนี้ นับเป็นการพบรอยเลื่อนตัวใหม่ ทางอุตุนิยมวิทยาเผยว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางที่ไม่ได้อยู่บนรอยเลื่อนมีพลัง (Active Fault) ซึ่งสํารวจโดยกรมทรัพยากรธรณี พื้นที่ดังกล่าวอาจเป็นรอยเลื่อนที่ยังไม่ได้รับการสํารวจ (Hidden Fault) ซึ่งกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้หากลไกการเกิดแผ่นดินไหวพบว่าแผ่นดินไหวเกิดจากแนวรอยเลื่อนที่มีทิศทางการวางตัวในแนวตะวันออกเฉียงใต้-ตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งวางตัวตามแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว
จากอัตราการเกิดแผ่นดินไหวในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา พบว่าแผ่นดินไหวขนาด 4-5 มีเพียง 2 ครั้งซึ่งรวมครั้งนี้ด้วย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ในฐานะนักวิจัยชุดโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวภายใต้การสนับสนุนของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่าสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวมักจะเกิดขึ้นจากรอยเลื่อนที่มีพลัง แต่ในบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวยังอยู่ห่างจากแนวของกลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิตถ์และกลุ่มรอยเลื่อนเพชรบูรณ์ อาจเป็นไปได้ว่ารอยเลื่อนที่มองไม่เห็น (Blind Fault) เป็นรอยเลื่อนที่ยังไม่ถูกตรวจพบ และอาจมีรอยเลื่อนที่มองไม่เห็นอีกมากที่การศึกษายังไปไม่ถึง และในประเทศไทยยังมีรอยร้าวเล็กๆ รอยแตกอีกเป็นจำนวนมากในแผ่นเปลือกโลก ซึ่งรอยเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดแผ่นไหวได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ สามารถทำให้โครงสร้างอาคารรับรู้แรงสั่นสะเทือน และอาจทำให้โครงสร้างอาคารที่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานเกิดการแตกร้าวได้ รวมถึงอาคารที่มีความเสี่ยง อย่าง วัดที่ก่อสร้างจากอิฐก่อมีโอกาสแตกร้าวได้ง่าย บ้านเรือนที่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน อาคารที่มีขนาดเสาที่เล็ก ก็อาจแตกร้าวเสียหายได้เช่นกัน ดังนั้นการออกแบบอาคารใหม่และการเสริมความแข็งแรงอาคารเก่าให้รองรับแผ่นดินไหวได้จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด
ขอขอบคุณที่มา : สกสว. / กรมอุตุนิยมวิทยา