svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

Drought : ภัยแล้งในประเทศไทยกับพืชที่ควรปลูก

เจาะลึกถึงเรื่องปัญหา “ภัยแล้ง” ค้นหาสาเหตุ ผลกระทบ พร้อมแนะนำการปลูกพืชทนแล้งเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้เลี้ยงชีพ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ภัยแล้ง” เป็นปัญหาทางธรรมชาติที่เกษตรกรหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากเมืองไทยของเรามักมีปัญหาเรื่องน้ำไม่เพียงพอต่อการเกษตร โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน แล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้ยังคงเพิ่มผลผลิตมีรายได้เลี้ยงชีพต่อไป เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องมองหาแนวทางอย่างถูกต้องและยั่งยืน

Drought : ภัยแล้งในประเทศไทยกับพืชที่ควรปลูก

ภัยแล้ง (Drought) คืออะไร?

ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุคำว่า “ภัยแล้ง” คือภัยที่เกิดจากการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นเวลานาน จนก่อให้เกิดความแห้งแล้ง และส่งผลกระทบต่อชุมชน

โดยสาเหตุของการเกิดภัยแล้ง ได้แก่
สาเหตุโดยธรรมชาติ อาทิ 

  • การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลก
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล
  • ภัยธรรมชาติ เช่น วาตภัย แผ่นดินไหว

สาเหตุโดยการกระทำของมนุษย์ อาทิ

  • การทำลายชั้นโอโซน
  • ผลกระทบของภาวะเรือนกระจก
  • การพัฒนาด้านอุตสาหกรรม
  • การตัดไม้ทำลายป่า

สำหรับภัยแล้งในประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดจากฝนแล้งและทิ้งช่วง ซึ่งฝนแล้งเป็นภาวะปริมาณฝนตกน้อยกว่าปกติหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล

Drought : ภัยแล้งในประเทศไทยกับพืชที่ควรปลูก

ภัยแล้งในประเทศไทยสามารถเกิดช่วงเวลาใดบ้าง?

ภัยแล้งในประเทศไทยจะเกิดใน 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องถึงฤดูร้อน ซึ่งเริ่มจากครึ่งหลังของเดือนตุลาคมเป็นต้นไป บริเวณประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก) จะมีปริมาณฝนลดลงเป็นลำดับ จนกระทั่งเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของ ปีถัดไป ซึ่งภัยแล้งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี

และช่วงกลางฤดูฝน ประมาณปลายเดือนมิถุนายน - เดือนกรกฎาคม จะมีฝนทิ้งช่วงเกิดขึ้น ภัยแล้งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะท้องถิ่นหรือบางบริเวณ บางครั้งอาจครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเกือบทั่วประเทศ

ปัญหาภัยแล้งในประเทศไทยส่งผลกระทบอย่างไรกับการดำรงชีวิตของประชาชน

ภัยแล้งในประเทศไทยมีผลกระทบโดยตรงกับการเกษตรและแหล่งน้ำ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศ ที่ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ ภัยแล้งจึงส่งผลเสียหายต่อกิจกรรมทางการเกษตร เช่น พื้นดินขาดความชุ่มชื้น พืชขาดน้ำ พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพต่ำ รวมถึงปริมาณลดลง ส่วนใหญ่ภัยแล้งที่มีผลต่อการเกษตร มักเกิดในฤดูฝนที่มีฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ผลกระทบที่เกิดขึ้นรวมถึงผลกระทบด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านเศรษฐกิจ สิ้นเปลืองและสูญเสียผลผลิตด้านเกษตร ปศุสัตว์ ป่าไม้ การประมง เศรษฐกิจทั่วไป เช่น ราคาที่ดินลดลง โรงงานผลิตเสียหาย การว่างงาน สูญเสียอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยว พลังงาน อุตสาหกรรมขนส่ง
2. ด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสัตว์ต่าง ๆ ทำให้ขาดแคลนน้ำ เกิดโรคกับสัตว์ สูญเสียความหลากหลายพันธุ์ รวมถึงผลกระทบด้านอุทกวิทยา ทำให้ระดับและปริมาณน้ำลดลง พื้นที่ชุ่มน้ำลดลง ความเค็มของน้ำเปลี่ยนแปลง ระดับน้ำในดินเปลี่ยนแปลง คุณภาพน้ำเปลี่ยนแปลง เกิดการกัดเซาะของดิน ไฟป่าเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพอากาศและสูญเสียทัศนียภาพ เป็นต้น
3. ด้านสังคม เกิดผลกระทบในด้านสุขภาพอนามัย เกิดความขัดแย้งในการใช้น้ำและการจัดการคุณภาพชีวิตลดลง

วิธีการแก้ปัญหาภัยแล้งทำได้อย่างไร
วิธีการแก้ปัญหาภัยแล้วสามารถกระทำได้ดังนี้
1. แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น แจกน้ำให้ประชาชน ขุดเจาะน้ำบาดาล สร้างศูนย์จ่ายน้ำ จัดทำฝนเทียม
2. การแก้ปัญหาระยะยาว โดยพัฒนาลุ่มน้ำ เช่น สร้างฝาย เขื่อน ขุดลอกแหล่งน้ำ รักษาป่าและปลูกป่า ให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมมือในการจัดทำและพัฒนาชลประทาน

Drought : ภัยแล้งในประเทศไทยกับพืชที่ควรปลูก

การปลูกพืชทนแล้ง ช่วยเสริมรายได้ยามฝนทิ้งช่วง ฝนตกน้อย

ด้วยความที่ต้องหาเลี้ยงชีพสร้างรายได้แม้จะอยู่ในเวลาฝนทิ้งช่วง ฝนตกน้อย แน่นอนว่าควรเลือกปลูกพืชทนแล้ง เพราะมีคุณสมบัติในการเจริญเติบโตได้ดีกรณีดินแห้งแล้งก็ไม่หวั่นไหว หรือฝนตกน้อย ฝนทิ้งช่วง สามารถทนทานและอยู่รอดได้สบาย ซึ่งลักษณะของพืชประเภทนี้จะเป็นพืชไร่ที่มีช่วงการเก็บเกี่ยวสั้น ออกผลผลิตไม่นาน แบ่งออกเป็น

พืชทางเศรษฐกิจ

  • งาดำ งาขาว
  • พืชตระกูลแตง ได้แก่ ฟักแฟง แตงโม ฟักทอง แตงกวา
  • ถั่วต่าง ๆ ทั้งถั่วฝักยาว ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว
  • ข้าวไร่ ข้าวโพด ข้าวฟ่าง
  • สมุนไพรบางชนิด เช่น ข่า มะกรูด ขมิ้นชันไพร

ผลไม้ที่ทนแล้งได้ดี อายุยืนยาว

  • อินทผลัม ทนทุกสภาพดินโดยเฉพาะช่วงภัยแล้ง
  • มะละกอ ปลูกได้ทุกสภาพดิน อายุปานกลาง ผลผลิตมีให้ต่อเนื่อง
  • มะพร้าว ทนแล้งได้ดีมาก
  • มันสำปะหลัง ปลูกในหน้าแล้งได้ดี แต่เหมาะสมจะเป็นดินร่วนปนทราย
  • กระบองเพชร หรือแก้วมังกร จะทนแล้งได้ดีปลูกในพื้นที่ดอน ซึ่งแก้วมังกรจะมีรากอากาศที่เติบโตได้ดีแม้ตรงนั้นดินจะไม่มากก็ตาม

 

12 ไม้ทนแล้งน่าปลูกในไทย

Drought : ภัยแล้งในประเทศไทยกับพืชที่ควรปลูก

"ไม้ทนแล้ง" จะเป็นต้นไม้ที่เราสามารถนำไปปลูกได้แม้จะอยู่ในช่วงภัยแล้งก็ตาม ยังคงเติบโตได้ดีไม่มีปัญหา ใช้น้ำน้อย ไม่มีเวลาดูแลแค่ไหนก็ไม่ตายง่าย ๆ ซึ่งไม้ทนแล้งที่น่าสนใจ ได้แก่

  1. สะเดา ถือเป็นต้นไม้ที่ท้องตลาดต้องการ สามารถปลูกได้ทุกสภาพอากาศ ขึ้นง่าย ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย
  2. หมาก เป็นไม้ยืนต้นที่เติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ทนแดด ใบร่วงน้อย ลำต้นตรงเป็นปล้อง
  3. ดาวเรือง เป็นดอกไม้ที่ท้องตลาดต้องการ สามารถจำหน่ายทั้งต้นเป็นไม้ประดับ หรือเกี่ยวเกี่ยวเฉพาะดอกที่บานแล้วมาจำหน่าย ดูแลง่ายไม่ต้องลงทุนมาก
  4. ต้นลิ้นมังกรแคระ เป็นไม้อวบน้ำ ใบสั้น ปลายใบแหลม แผ่นใบห่องุ้มเล็กน้อย ขอบใบเรียบหนามัน ทนทุกสภาพอากาศจะร้อนจัด แห้งแล้ง หนาว แสงแดดน้อย ได้หมด
  5. ทองหลาง เป็นต้นไม้ขนาดกลางที่ลำต้นจะมีหนาม ใบทน ทนต่อพื้นดินที่แห้งแล้ง โดยดูดกักเก็บน้ำไว้ในลำต้น
  6. สับปะรดสี เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย จะนำไปประดับตกแต่ง ทำสวน ได้หมด ทนทุกสภาพอากาศ
  7. กันเกรา เป็นไม้มงคลที่ขึ้นได้ทุกสภาพพื้นดิน ลำต้นสูงใหญ่ออกดอกเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม ให้ร่มเงาได้ดี
  8. ไผ่ตงลืมแล้ง ใช้น้ำน้อย มักถูกปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนา
  9. พริก ซึ่งจัดเป็นพืชทนแล้งที่ปลูกได้ทุกสภาพพื้นดิน ออกผลผลิตตลอด ทนภัยแล้งได้ดี
  10. แก้วมุกดา หรือโกงกางเขา ใบรูปวงรี หนา มัน เหนียว ไม้พุ่มทรงเตี้ย มีกลิ่นหอมคล้ายดอกแก้ว ไม่ค่อยผลัดใบ ชอบแสงแดดจัด ๆ
  11. ว่านหางจระเข้ สามารถใช้ในภาคเครื่องสำอางได้ ไม่ต้องรดน้ำมากก็เจริญเติบโตได้ดี ท้องตลาดมีความต้องการอย่างที่สุด
  12. ไทรเกาหลี เป็นไม้ทรงพุ่มสวย สามารถนำมาใช้ตกแต่งบ้านได้ กำบังสายตาได้ความเป็นส่วนตัว สามารถปลูกแล้วนำไปขายให้นักตกแต่งบ้านได้กำไรงาม

หลักการในการดูแลบรรดาไม้ทนแล้งเหล่านี้นั้น ต้องหมั่นใส่ปุ๋ยที่มีทั้งอนินทรีย์และอินทรีย์ เพื่อช่วยเร่งการเจริญเติบโต คอยกำจัดวัชพืช ทำให้เจริญเติบโตได้ดีขึ้น อย่างน้อยเดือนละครั้ง อาจจะคอยป้องกันสิ่งรบกวน กำจัดโรคพืชต่าง ๆ ด้วย ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาเป็นกำไรนำไปขายต่อได้ตามความต้องการท้องตลาด มีรายได้เลี้ยงชีพแม้จะอยู่ในช่วงภัยแล้งก็ไม่ต้องกลัวไปโดยปริยาย

 

แหล่งที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา / สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)