
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ภัยแล้ง” เป็นปัญหาทางธรรมชาติที่เกษตรกรหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากเมืองไทยของเรามักมีปัญหาเรื่องน้ำไม่เพียงพอต่อการเกษตร โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน แล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้ยังคงเพิ่มผลผลิตมีรายได้เลี้ยงชีพต่อไป เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องมองหาแนวทางอย่างถูกต้องและยั่งยืน
ภัยแล้ง (Drought) คืออะไร?
ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุคำว่า “ภัยแล้ง” คือภัยที่เกิดจากการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นเวลานาน จนก่อให้เกิดความแห้งแล้ง และส่งผลกระทบต่อชุมชน
โดยสาเหตุของการเกิดภัยแล้ง ได้แก่
สาเหตุโดยธรรมชาติ อาทิ
สาเหตุโดยการกระทำของมนุษย์ อาทิ
สำหรับภัยแล้งในประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดจากฝนแล้งและทิ้งช่วง ซึ่งฝนแล้งเป็นภาวะปริมาณฝนตกน้อยกว่าปกติหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล
ภัยแล้งในประเทศไทยสามารถเกิดช่วงเวลาใดบ้าง?
ภัยแล้งในประเทศไทยจะเกิดใน 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องถึงฤดูร้อน ซึ่งเริ่มจากครึ่งหลังของเดือนตุลาคมเป็นต้นไป บริเวณประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก) จะมีปริมาณฝนลดลงเป็นลำดับ จนกระทั่งเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของ ปีถัดไป ซึ่งภัยแล้งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
และช่วงกลางฤดูฝน ประมาณปลายเดือนมิถุนายน - เดือนกรกฎาคม จะมีฝนทิ้งช่วงเกิดขึ้น ภัยแล้งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะท้องถิ่นหรือบางบริเวณ บางครั้งอาจครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเกือบทั่วประเทศ
ปัญหาภัยแล้งในประเทศไทยส่งผลกระทบอย่างไรกับการดำรงชีวิตของประชาชน
ภัยแล้งในประเทศไทยมีผลกระทบโดยตรงกับการเกษตรและแหล่งน้ำ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศ ที่ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ ภัยแล้งจึงส่งผลเสียหายต่อกิจกรรมทางการเกษตร เช่น พื้นดินขาดความชุ่มชื้น พืชขาดน้ำ พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพต่ำ รวมถึงปริมาณลดลง ส่วนใหญ่ภัยแล้งที่มีผลต่อการเกษตร มักเกิดในฤดูฝนที่มีฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ผลกระทบที่เกิดขึ้นรวมถึงผลกระทบด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านเศรษฐกิจ สิ้นเปลืองและสูญเสียผลผลิตด้านเกษตร ปศุสัตว์ ป่าไม้ การประมง เศรษฐกิจทั่วไป เช่น ราคาที่ดินลดลง โรงงานผลิตเสียหาย การว่างงาน สูญเสียอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยว พลังงาน อุตสาหกรรมขนส่ง
2. ด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสัตว์ต่าง ๆ ทำให้ขาดแคลนน้ำ เกิดโรคกับสัตว์ สูญเสียความหลากหลายพันธุ์ รวมถึงผลกระทบด้านอุทกวิทยา ทำให้ระดับและปริมาณน้ำลดลง พื้นที่ชุ่มน้ำลดลง ความเค็มของน้ำเปลี่ยนแปลง ระดับน้ำในดินเปลี่ยนแปลง คุณภาพน้ำเปลี่ยนแปลง เกิดการกัดเซาะของดิน ไฟป่าเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพอากาศและสูญเสียทัศนียภาพ เป็นต้น
3. ด้านสังคม เกิดผลกระทบในด้านสุขภาพอนามัย เกิดความขัดแย้งในการใช้น้ำและการจัดการคุณภาพชีวิตลดลง
วิธีการแก้ปัญหาภัยแล้งทำได้อย่างไร
วิธีการแก้ปัญหาภัยแล้วสามารถกระทำได้ดังนี้
1. แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น แจกน้ำให้ประชาชน ขุดเจาะน้ำบาดาล สร้างศูนย์จ่ายน้ำ จัดทำฝนเทียม
2. การแก้ปัญหาระยะยาว โดยพัฒนาลุ่มน้ำ เช่น สร้างฝาย เขื่อน ขุดลอกแหล่งน้ำ รักษาป่าและปลูกป่า ให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมมือในการจัดทำและพัฒนาชลประทาน
การปลูกพืชทนแล้ง ช่วยเสริมรายได้ยามฝนทิ้งช่วง ฝนตกน้อย
ด้วยความที่ต้องหาเลี้ยงชีพสร้างรายได้แม้จะอยู่ในเวลาฝนทิ้งช่วง ฝนตกน้อย แน่นอนว่าควรเลือกปลูกพืชทนแล้ง เพราะมีคุณสมบัติในการเจริญเติบโตได้ดีกรณีดินแห้งแล้งก็ไม่หวั่นไหว หรือฝนตกน้อย ฝนทิ้งช่วง สามารถทนทานและอยู่รอดได้สบาย ซึ่งลักษณะของพืชประเภทนี้จะเป็นพืชไร่ที่มีช่วงการเก็บเกี่ยวสั้น ออกผลผลิตไม่นาน แบ่งออกเป็น
พืชทางเศรษฐกิจ
ผลไม้ที่ทนแล้งได้ดี อายุยืนยาว
12 ไม้ทนแล้งน่าปลูกในไทย
"ไม้ทนแล้ง" จะเป็นต้นไม้ที่เราสามารถนำไปปลูกได้แม้จะอยู่ในช่วงภัยแล้งก็ตาม ยังคงเติบโตได้ดีไม่มีปัญหา ใช้น้ำน้อย ไม่มีเวลาดูแลแค่ไหนก็ไม่ตายง่าย ๆ ซึ่งไม้ทนแล้งที่น่าสนใจ ได้แก่
หลักการในการดูแลบรรดาไม้ทนแล้งเหล่านี้นั้น ต้องหมั่นใส่ปุ๋ยที่มีทั้งอนินทรีย์และอินทรีย์ เพื่อช่วยเร่งการเจริญเติบโต คอยกำจัดวัชพืช ทำให้เจริญเติบโตได้ดีขึ้น อย่างน้อยเดือนละครั้ง อาจจะคอยป้องกันสิ่งรบกวน กำจัดโรคพืชต่าง ๆ ด้วย ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาเป็นกำไรนำไปขายต่อได้ตามความต้องการท้องตลาด มีรายได้เลี้ยงชีพแม้จะอยู่ในช่วงภัยแล้งก็ไม่ต้องกลัวไปโดยปริยาย
แหล่งที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา / สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)