13 มีนาคม 2566 ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากในพื้นที่มีฝนตกลงมา จากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน หลายพื้นที่ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถช่วยบรรเทาสถานการณ์ หมอกควันและไฟป่า ของจังหวัดเชียงใหม่ลงไปได้บ้าง โดยจุดความร้อน หรือ Hotspot ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
ส่งผลให้บรยากาศในช่วงเช้าวันนี้ หมอกควันที่ปกคลุมเมืองเชียงใหม่ มาอย่างยาวนานกว่า 3 สัปดาห์เริ่มลดลง จนสามารถเริ่มมองเห็นดอยสุเทพได้บ้าง จากเดิมที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย เนื่องจากถูกบดบังไปด้วยกลุ่มควันสีขุ่น อย่างไรก็ตามค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะแม้จะมีฝนตกมาแต่ในตัวเมือง และพื้นที่รอบนอก ยังคงมองเห็นหมอกควันด้วยตาเปล่า และค่าฝุ่น PM2.5 ยังคงสูงเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ได้รายงาน สรุปสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ประจำวันที่ 13 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 9.00 น. ว่า ค่าฝุ่น PM2.5 มีค่าระหว่าง 80-226 มคก.ต่อ ลบ.ม. คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ถึง มีผลกระทบต่อสุขภาพ”
ซึ่งที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ที่ 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และตำบลสุเทพ มีค่าอยู่ที่ 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังคงมีค่าเกินค่ามาตรฐาน แต่ถือว่ามีค่าที่ลดลงจาก 2 วันที่ผ่านมา เนื่องจากฝนที่ตกลงมาให้พื้นที่ จึงทำให้จุดความร้อนลดลง
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพ ควรลดระยะเวลาที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองเพื่อลดฝุ่นที่จะเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะกลุ่ม เด็ก คนชรา หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ และโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่ควรได้รับการดูแลและระมัดระวังตนเองเป็นพิเศษ
ขณะที่บรรยากาศที่ตำบลสุเทพ บริเวณที่ใกล้กับทางขึ้นดอยสุเทพ ในช่วงเช้าวันนี้จะเห็นได้ว่า ยังคงมีฝนตกลงมา แต่เมื่อมองขึ้นไปยังดอยสุเทพ ยังคงเห็นหมอกควันสีขาวบดบังท้องฟ้าและดอยสุเทพ และประชาชนยังคงสวมหน้ากากอนามัย ที่สามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ อาทิ หน้ากาก N95 แต่หากเปรียบเทียบกับช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา ถือว่า มีทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดีกว่า
ด้าน คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เตือนผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ในปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ อาจส่งผลให้ฝุ่นสะสมในปอด ของผู้สูงอายุที่มีโรคปอดเรื้อรังอยู่แล้ว ทำให้โรคกำเริบเฉียบพลันได้ หรือสะสมในสมอง ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บ และเกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ
ดังนั้น ควรที่จะป้องกันตนเอง ให้มากที่สุดโดยการ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่น ดูแลบ้านให้สะอาดสม่ำเสมอ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน หรือภายในที่พักของผู้สูงอายุ และติดตามติดตามข่าวสาร เรื่องสภาพอากาศสม่ำเสมอ