svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

เลือกครีมกันแดดอย่างไร ให้ปกป้องผิว พิทักษ์ท้องทะเล

13 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อ ‘สารกันแดด’ คือหนึ่งในตัวการที่ก่อให้เกิดมลภาวะในทะเล เปิดเรื่องจริงครีมกันแดดทำร้ายปะการังอย่างไร? ทำไมหลายประเทศรวมถึงไทยจึงแบนครีมกันแดดที่ทำร้ายปะการัง?

เพราะความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลและแนวปะการังที่สวยงาม ต่างดึงดูดให้มีการใช้ประโยชน์จากแนวปะการังมากขึ้นทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อม รวมถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมาก ซึ่งปัจจุบันปัญหามลภาวะกลายเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งในเรื่องของอากาศ ฝุ่นละออง ควันจากไฟป่า ขยะในมหาสมุทร และมลภาวะอีกอย่างที่อยากให้ทุกคนตระหนักถึง คือมลภาวะที่เกิดจากสารกันแดดที่อยู่ในน้ำทะเล

เลือกครีมกันแดดอย่างไร ให้ปกป้องผิว พิทักษ์ท้องทะเล

แน่นอนว่าเพื่อการปกป้องผิวให้ปลอดภัยจากรังสียูวีที่ทำร้ายผิวพรรณ เวลาออกแดดเราจึงต้องทา "ครีมกันแดด" ยิ่งทุกครั้งที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเมื่อไปเที่ยวทะเล หลายคนยิ่งกังวลในเรื่องผิวดำคล้ำ ผิวไหม้ ทำให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟสูง และทาซ้ำหลายครั้ง ซึ่งสิ่งที่ให้คุณประโยชน์กับเราอาจกลายเป็นโทษให้กับสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน

ในแต่ละปีคาดว่ามีครีมกันแดดถึง 6,000 ตันตกค้างอยู่ในทะเลทั่วโลก โดยจะกระจุกตัวอยู่ในบริเวณที่นักท่องเที่ยวมาว่ายน้ำหรือดำน้ำดูปะการังเป็นส่วนใหญ่

ครีมกันแดดส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง?

งานวิจัยโดย Downs และคณะ เพื่อองค์กร National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) และองค์กรอื่นๆ ในสหรัฐฯ ชี้ว่า ปะการังอ่อนที่สัมผัสกับสาร Oxybenzone และ Octinoxate ที่มีในสารกันแดดแสดงออกถึงภาวะเครียด โดยมีสีซีดจางลง ซึ่งทำให้ปะการังติดเชื้อได้ง่ายและไม่สามารถได้รับสารอาหารได้เต็มที่อย่างที่เคย นอกจากนี้ สารทั้งสองชนิดยังสร้างความเสียหายต่อดีเอ็นเอและทำให้โครงสร้างปะการังเจริญเติบโตผิดปกติด้วย 

เลือกครีมกันแดดอย่างไร ให้ปกป้องผิว พิทักษ์ท้องทะเล

งานวิจัยชิ้นนี้ถูกนำมาต่อยอดโดยนักวิจัยชาวอิตาเลียน ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Health Perspectives โดยงานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่าส่วนผสมของครีมกันแดดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย (รวมถึง Oxybenzone) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (coral bleaching) ไปทั่วโลก ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก แม้ส่วนผสมที่ว่าจะมีความเข้มข้นไม่มากก็ตาม โดยในปี ค.ศ. 2018 รัฐฮาวายเป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่ประกาศแบนผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสองชนิดนี้ ตามมาด้วยเมืองฟลอริดา (มีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2021) ส่วนปาเลา (Palau) ถือเป็นประเทศแรกที่มีการแบนครีมกันแดดที่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากปะการังที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำแล้ว งานวิจัยอื่นๆ ก็ได้ผลออกมาไปในทิศทางเดียวกันว่าครีมกันแดดมีผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบางชนิดในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น สารบางชนิดไปยับยั้งการเจริญเติบโตและการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายสีเขียว ในขณะที่สารบางชนิดทำให้อัตราการเจริญพันธุ์ของปลาลดลง และทำให้ปลาเพศชายมีลักษณะเป็นเพศหญิงมากขึ้น เป็นต้น

reef safe (ปลอดภัยต่อปะการัง)

เมื่อตระหนักถึงปัญหานี้ ปัจจุบันจึงมีหลายแบรนด์เลือกผลิตครีมกันแดดที่เป็นมิตรต่อปะการังมากยิ่งขึ้น โดยผลิตภัณฑ์กันแดดที่เป็นมิตรต่อปะการัง หรือ reef-friendly sunscreen หรือ Coral-freindly sunscreen นี้มักจะไม่มีส่วนผสมสารที่เป็นพิษต่อปะการัง ได้แก่ Oxybenzone, Octinoxate, Octocrylene, Homosalate, 4-methylbenzylidene camphor, PABA, Parabens, Triclosan, ไมโครพลาสติกทุกชนิด และอนุภาคขนาดนาโนหรือสังกะสีหรือไทเทเนียมขนาดนาโน

เลือกครีมกันแดดอย่างไร ให้ปกป้องผิว พิทักษ์ท้องทะเล

การห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ

กรมอุทยานได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 มีใจความว่า

ประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่องห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ

ด้วยในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทางทะเลเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการนำและใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยจากข้อมูลทางวิชาการพบว่าสารเคมีหลายชนิดที่พบในครีมกันแดด มีส่วนทำให้ปะการังเสื่อมโทรมลง เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้นทำลายตัวอ่อนปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์ และทำให้ปะการังฟอกขาว

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการสงวน อนุรักษ์ คุ้มครองดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อปะการังและระบบนิเวศในอุทยานแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบข้อ 6 ของระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2563 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 จึงออกประกาศ ดังนี้

ห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ได้แก่ Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3), Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate), 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben หากผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

เลือกครีมกันแดดอย่างไร ให้ปกป้องผิว พิทักษ์ท้องทะเล

How to ปกป้องผิวด้วยหัวใจรักษ์โลก

นอกจากการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่เป็นมิตรต่อปะการัง หรือCoral-freindly sunscreen หรือ Reef-friendly sunscreen แล้ว หากอยากจะทากันแดดเพื่อปกป้องผิวและรักษ์โลกด้วย ก็สามารถทำได้หลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น

– เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ใช้หลอดแบบรีไซเคิลหรือหลอดที่ทำจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้ 

– เลือกใช้ครีมกันแดดที่กันน้ำ เพราะจะติดอยู่บนผิวได้นานกว่า

– งดการออกแดดช่วงระหว่าง 10 โมงเช้า – บ่าย 2 ซึ่งเป็นช่วงที่แสงแดดแรงที่สุด

– เลือกสวมเสื้อผ้าที่มีคุณความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวี ( UPF หรือ Ultraviolet Protection Factor)ได้สูง

ทั้งนี้ การรักษาปะการังก็เหมือนเราได้รักษาโลกของเราไปด้วย บางการกระทำของมนุษย์อาจจะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเป็นเหตุให้ปะการังและสัตว์น้ำตายลงไป มนุษย์เราอาศัยอยู่ในโลกนี้ อาศัยทรัพยากรจากทะเลในการดำเนินชีวิต หากเราไม่รักษาพวกเขาไว้ ความเสียหายก็จะวนกลับมาที่มนุษย์เอง ...มารักษาพวกเขาในวันนี้ เพื่อให้พวกเขาอยู่กับเราตลอดไป

logoline