ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเปิดการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร ในวาระครบรอบ 75 ปี ของการก่อตั้งพันธมิตรทางการทหารแห่งนี้ โดยอกว่า สงครามจะต้องจบลงโดยยูเครนยังเป็นประเทศที่เสรีและอิสระ และรัสเซียจะไม่ประสบชัยชนะ พร้อมกันนี้เขาบอกว่า ทั้งสหรัฐฯ เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และโรมาเนีย จะร่วมกันมอบระบบป้องกันทางอากาศ ”แพทริออต” 5 ชุด และระบบขีปนาวุธพิสัยระยะใกล้อีกหลายสิบชุดแก่ยูเครน
ขณะที่เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกให้การสนับสนุนยูเครนต่อไป โดยเตือนว่า หากรัสเซียชนะสงคราม จะเป็นความเสียงครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับนาโต
และคาดว่า ในการประชุมนาน 3 วัน ชาติสมาชิกนาโตจะประกาศให้การสนับสนุนยูเครนราว 58,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี เป็นเวลาอีกย่างน้อย 1 ปี หลังจากเริ่มขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องสุขภาพของไบเดนและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะบดบังวาระการประชุมครั้งนี้ ในขณะที่ไบเดนกำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากคนในพรรคเดโมแครตให้ถอนตัวจากการแข่งขัน หลังจากทำผลงานได้ย่ำแย่ในการดีเบทกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อเดือนที่แล้วทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า เขาขาดทั้งความพร้อมด้านสุขภาพและศักยภาพทางสติปัญญาที่จะดำรงตำแหน่งอีก 4 ปีได้
ขณะที่คำกล่าวเปิดการประชุมนาโตของไบเดนนานเกือบ 13 นาที มีน้ำเสียงชัดเจน แตกต่างอย่างมากจากการดีเบท ไบเดนมุ่งใช้ถ้อยแถลงครั้งนี้สร้างความมั่นใจแก่ชาติพันธมิตรว่า เขายังคงแข็งแรงพอและสามารถต่อสู้กับทรัมป์ในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ได้
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ไบเดนเกือบอ่านถ้อยแถลงจากเครื่องบอกบทพลาด ตอนที่กล่าวมอบเหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดี ซึ่งเป็นเหรียญเชิดชูเกียรติขั้นสูงสุดสำหรับพลเรือนให้กับเลขาธิการนาโต และเขายังเคลื่อนไหวช้าจนเห็นได้ชัดตอนที่คล้องเหรียญให้กับสโตลเทนเบิร์ก
เรื่องสุขภาพของไบเดนถูกจับตาจากชาติสมาชิกด้วยความกังวลว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายต่าง ๆ เพราะทรัมป์เคยขู่ระหว่างหาเสียงว่าจะยกเลิกหลักการการป้องกันตัวเองร่วมของนาโต และต้องการให้ชาติยุโรปรับผิดชอบค่าใช้จ่ายป้องกันตัวเองมากขึ้น และเพิ่มความช่วยเหลือแก่ยูเครน เพื่อลดภาระของสหรัฐฯ
ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวที่สถาบันโรนัดล์ เรแกน ในกรุงวอชิงตัน เรียกร้องให้ผู้นำโลกจัดส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ยูเครนโดยเร็ว โดยไม่ต้องรอผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน เหมือนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จับตารอเช่นกัน