มาร์การิทิส ชินาส รองประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป หรือ อียู แถลงในวันพุธว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนได้รับประโยชน์จากการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรม ส่งลกระทบต่อผู้ผลิตของอียู จึงจะเริ่มใช้มาตรการขึ้นภาษีชั่วคราว ที่จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนต้องเสียภาษีมากขึ้นอีก นอกเหนือจากปัจจุบันเรียกเก็บที่ 10% สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่ไม่ได้อยู่ในอียู
ภายใต้อัตราภาษีนำเข้าเพิ่มเติม จะเก็บเพิ่ม 17.4% กับบริษัท BYD และ 20% กับ Geely และ 38.1% สำหรับ SAIC ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตต้องจ่ายภาษีสูงสุดรวมเกือบ 50%
เขาบอกด้วยว่า คณะกรรมาธิการฯ แจ้งให้ทางการจีนทราบถึงผลการสอบสวนเกี่ยวกับการอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาร่วมกันแล้ว แต่หากไม่ได้ข้อสรุป การปรับขึ้นภาษีชั่วคราวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กรกฎาคม และการสอบสวนจะยังดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งในวันดังกล่าวอาจเริ่มปรับขึ้นภาษีอย่างเด็ดขาด ที่ปกติจะมีระยะเวลา 5 ปี
รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเป้าหมายล่าสุดของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างอียูและจีนที่ขยายวงกว้างขึ้น หลังจากอียูกล่าวหาว่าจีนให้การอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมต่อการส่งออกเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งรวมถึง แผงโซลาเซลล์, แบตเตอรี และกังหันลม
ยอดนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าผลิตในจีนสู่ตลาดในอียูเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงรถยนต์จากแบรนด์ตะวันตก ที่มีโรงงานผลิตในจีน อย่าง เทสลา และ BMW ด้วย
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงตอบโต้ว่า การตรวจสอบของอียูเรื่องการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมเป็นเพียงมาตรการของการปกป้องทางการค้า และการขึ้นภาษีนำเข้าต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ถือเป็นการละเมิดหลักการของเศรษฐกิจระบบตลาด และข้อบังคับทางการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงทำลายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนและอียู ตลอดจนทำลายเสถียรภาพการผลิตยานยนต์และซัพพลายเชนของโลก ซึ่งในที่สุดจะทำลายผลประโยชน์ของยุโรปเอง
และกระทรวงพาณิชย์ของจีน บอกว่า จะจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดด้วยความแน่วแน่เพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายของผู้ประกอบการของจีน