เบนนี แกนตซ์ รัฐมนตรีที่แนวคิดสายกลางเพียงคนเดียวในคณะรัฐมนตรีสงคราม แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (9 มิถุนายน) ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ขัดขวางไม่ให้อิสราเอลประสบกับชัยชนะอย่างแท้จริง จึงทำให้เขาตัดสินใจถอนตัวออกจากคณะรัฐมนตรีสงคราม
เขายังเรียกร้องให้เนทันยาฮู กำหนดวันจัดการเลือกตั้งใหม่ ที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล ที่สามารถเรียกคืนความศรัทธาจากประชาชน และเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ ได้ เขาบอกด้วยว่า ยังพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองสายกลางทั้งหมด
แต่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู โพสต์ใน X ว่า ยังไม่ใช่เวลาที่แกนตซ์ควรลาออก และเป็นเวลาที่ควรผนึกกำลังกัน และเบซาเลล สมอทริช รัฐมนตรคลัง ระบุว่า การลาออกของแกนตซ์เท่ากับตอบสนองความต้องการของฝ่ายศัตรู อย่าง ฮามาส เฮซบอลเลาะห์ และอิหร่าน
ขณะที่อิทามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหัวขวาจัด ประกาศทันทีว่า ต้องการรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีสงครามแทนแกนตซ์ ที่ผ่านมาเขาเคยขู่จะนำพรรคแนวขวาจัดออกจากรัฐบาลฉุกเฉิน หากคณะรัฐมนตรียอมรับข้อเสนอหยุดยิงที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ก่อนหน้านี้ในเดือนที่แล้ว แกนตซ์ ซึ่งเป็นอดีตนายพลและอดีตรัฐมนตรีกลาโหม และมักวิจารณ์เนทันยาฮู ขู่ไว้ว่าจะลาออกจากคณะรัฐมนตรีสงคราม ที่ประกอบด้วยตัวเขา, เนทันยาฮู และรัฐมนตรีกลาโหม โยอาฟ กัลแลนต์ หากภายในวันที่ 8 มิถุนายน รัฐบาลยังไม่ยอมรับแผนสงครามในฉนวนกาซา ที่กำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์ 6 ข้อ ซึ่งรวมถึง การกำจัดฮามาสในฉนวนกาซา และการจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนที่ประกอบด้วยตัวแทนหลายชาติเพื่อปกครองฉนวนกาซา
นอกจากแกนตซ์ตัดสินใจลาออกแล้ว เขายังนำพรรคเอกภาพแห่งชาติถอนตัวจากรัฐบาลฉุกเฉินด้วย แต่การตัดสินใจของเขาไม่สามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ เพราะเนทันยาฮูยังคงครองเสียงข้างมากที่ 64 เสียงจาก 120 ที่นั่งในสภาคเนสเซ็ต
อย่างไรก็ตามการลาออกดังกล่าวก็ทำให้เนทันยาฮูถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความแตกแยกทางการเมืองยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแนวทางการทำสงครามของเขา แกนตซ์เป็นคู่แข่งทางการเมืองที่สำคัญของเนทันยาฮู เขาเคยเป็นผู้นำฝ่ายค้านก่อนเข้าร่วมคณะรัฐมนตรีสงคราม
ความขัดแย้งทางการเมืองมีขึ้นในขณะที่กองทัพสามารถช่วยเหลือตัวประกันได้ 4 คน จากการโจมตีค่ายผู้อพยพนูเซรัตในฉนวนกาซาอย่างหนักเมื่อวันเสาร์ และฝ่ายฮามาสอ้างว่า ปฏิบัติการดังกล่าวทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 270 ราย และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 700 ราย