ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดี ที่ 16 พ.ค. นี้ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ทั้งยังเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำรัสเซียนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 5 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นับเป็นสัญญาณล่าสุดของความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียต้องการพึ่งพาจีนมากขึ้น ทั้งในด้านการค้าและการเมือง ในขณะที่รัสเซียพยายามเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่ “ไม่มีขีดจำกัด” กับจีนในด้านต่าง ๆ ที่ทำได้
แม็กซ์ เฮสส์ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูติน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีอยู่ 3 สิ่ง ที่เขาต้องการจากจีน ได้แก่ “ข้อตกลง” สำหรับท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Power of Siberia 2, การสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับการทำสงครามในยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของฮาร์ดแวร์ และต้องการเข้าถึงตลาดการเงินของจีน ซึ่งรวมถึงการใช้สกุลเงินหยวนเพื่อส่งเสริมการค้าของรัสเซีย
จนถึงตอนนี้ เป้าหมายทั้งสามอย่างของปูตินยังคงมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาจึงต้องการเดินทางเยือนจีนด้วยตนเองเพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาจะได้การสนับสนุนเพิ่มเติมในด้านใดบ้าง โดยก่อนการเยือนจีน ปูตินยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างรัสเซีย-จีน ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสองประเทศในการท้าทายต่อวิกฤตจากภายนอก
นอกจากนี้เขายังสนับสนุนข้อเสนอสันติภาพของจีนเกี่ยวกับสงครามยูเครน และกล่าวว่ารัสเซียยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการตอบรับจากพันธมิตรยูเครนและชาติตะวันตก
ขณะที่จีนต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับการสนับสนุนทางทหารต่อรัสเซีย โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศอัตราภาษีใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น สำหรับการนำเข้าสินค้าของจีนมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมอเมริกาจากการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การกดดันดังกล่าวยิ่งกลายเป็นการบีบให้จีนไม่เหลือทางเลือกมากนัก นอกจากต้องเพิ่มความใกล้ชิดกับรัสเซียให้มากยิ่งขึ้น