ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงทางโทรทัศน์ในวันเสาร์ (23 มีนาคม 2567) โดยเตือนโดยตรงถึงผู้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายที่นองเลือดและป่าเถื่อน ทำให้ประชาชนผู้รักความสงบและไม่มีความผิดอะไรเสียชีวิตจำนวนมาก นับเป็นการแสดงความเห็นครั้งแรกต่อเหตุการณ์สังหารหมู่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี หลังจากถูกวิจารณ์ว่า การนิ่งเงียบหลังเหตุการณ์ผ่านพ้นไปเกือบ 24 ชั่วโมง อาจเป็นเพราะเสียหน้า ที่ไม่เชื่อคำเตือนของสหรัฐฯ เรื่องการก่อการร้าย
ปูติน กล่าวว่า สิ่งสำคัญขณะนี้ คือ จะไม่ปล่อยให้ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุนองเลือดสามารถก่ออาชญากรรมครั้งใหม่ได้อีก และระบุด้วยว่า มือปืนผู้ก่อเหตุกราดยิงทั้ง 4 คน ถูกจับกุมไว้ได้ขณะพยายามซ่อนตัวและมุ่งหน้าหลบหนีไปทางยูเครน และข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีการเตรียมการในฝั่งยูเครน ที่จะให้พวกเขาข้ามพรมแดนด้วย และตอนนี้มีผู้ถูกจับกุมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวม 11 คน
ถ้อยแถลงของผู้นำรัสเซียมีขึ้นหลังจากกลุ่มก่อการร้าย ไอซิส-เค (ISIS-K) ที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายก่อการร้ายไอซิส (ISIS) หรือ ไอเอส (IS) และมักเคลื่อนไหวในอัฟกานิสถานและปากีสถาน ประกาศความรับผิดชอบว่า อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์กลุ่มมือปืน 4 คน บุกกราดยิงในสถานที่จัดคอนเสิร์ต “โครคัส ซิตี ฮอลล์ (Crocus City Hall) ในย่านครัสโนกอร์สค์ ชานกรุงมอสโกเมื่อคืนวันศุกร์ (23 มีนาคม 2567) และยังขว้างระเบิดทำให้เกิดเพลิงไหม้รุนแรง จนบางส่วนของอาคารพังถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 133 ราย และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 100 ราย โดยคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิต หลังจากพบศพเพิ่มจากการค้นหาใต้ซากปรักหักพังภายในฮอลล์ และการค้นหายังดำเนินต่อไป
ประธานาธิบดีปูติน บอกว่า “มันชัดเจนว่า เราไม่ได้แค่เผชิญการก่อการร้ายที่วางแผนเพื่อเย้ยหยัน แต่เป็นการสังหารหมู่ผู้ไม่มีอาวุธโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อาชญากรตั้งเป้าว่าจะสังหาร กราดยิงพลเมืองของเราอย่างเลือดเย็น”
เขาประกาศกร้าวด้วยว่า “ผู้ลงมือก่อเหตุ ผู้วางแผน และผู้สั่งการทุกคนในเหตุอาชญากรรมครั้งนี้จะต้องถูกลงโทษอย่างถูกต้องและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครก็ตาม และใครที่บงการ ผมขอย้ำว่า เราจะหาตัวและลงโทษทุกคน ที่อยู่อยู่เบื้องหลังผู้ก่อการร้าย ที่เตรียมการการโจมตีต่อรัสเซีย และต่อประชาชนของเรา”
ผู้นำรัสเซียยังบอกอีกว่า “ผู้ก่อการร้าย ฆาตกร และอมนุษย์ จะต้องเผชิญชะตากรรมของการเอาคืนและการลบล้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ขณะที่ยูเครนปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีคอนเสิร์ตฮอลล์ที่มอสโก โดยมิไคโล โปโดเลียก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน โพสต์ใน X ว่า ข้อกล่าวหาต่อยูเครนเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างสิ้นเชิง และประธานาธิบดีเซเลนสกี โพสต์คลิปโต้แย้งว่า ประธานาธิบดีปูตินพยายามหาทางกล่าวโทษคนอื่น ทั้งที่รัสเซียนำตัวผู้ก่อการร้ายหลายแสนคนเข้าไปในยูเครน เพื่อต่อสู้กับยูเครน โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของตัวเอง และแทนที่จะบอกกับพลเมืองของประเทศเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปูตินกลับนิ่งเงียบ 24 ชั่วโมงเพื่อคิดหาทางว่า จะเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับยูเครนอย่างไร
นอกจากนี้รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ และสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ บอกด้วยว่า ไม่พบหลักบานว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีคอนเสิร์ตฮอลล์ใกล้กรุงมอสโก
ปูตินประกาศให้วันที่ 24 มีนาคมนี้เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศแก่เหยื่อของการก่อการร้ายครั้งนี้ และทางการประกาศยกเลิกกิจกรรมช่วงสุดสัปดาห์ทั้งหมดทั่วประเทศ ประชาชนชาวมอสโกร่วมจุดเทียนและวางดอกไม้ไว้อาลัยที่ด้านนอกคอนเสิร์ตฮอลล์ และอีกหลายคนเข้าแถวรอบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้เป็นการสังหารหมู่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรัสเซีย นับจากเหตุการณ์กลุ่มกบฏเชเชนสังหารหมู่ที่โรงเรียนในเมืองเบสลัน มีผู้เสียชีวิต 334 ราย เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2547 และเหตุการณ์กลุ่มกบฏเชเชนจับตัวประกันในโรงละครนอร์ดโอสต์ ในกรุงมอสโก ที่มีตัวประกันเสียชีวิตกว่า 130 คน เมื่อปี 2545
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ แจ้งเตือนรัสเซียแล้วว่า กลุ่มรัฐอิสลามของแคว้นโคราซาน หรือ ไอซิส-เค กำลังพุ่งเป้าโจมตีในรัสเซีย และในเดือนมีนาคม 2567 สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโก ออกคำเตือนพลเมืองให้ระวังอาจเกิดเหตุก่อการร้ายในมอสโก และขอให้หลีกเลี่ยงฝูงชน แต่ประธานาธิบดีปูตินแถลงเมื่อวันอังคาร (19 มีนาคม 2567) โดยประณามสหรัฐฯ ว่า มีเจตนาข่มขู่และทำลายเสถียรภาพในสังคมรัสเซีย