ครบรอบ 3 ปี รัฐประหารเมียนมา ใกล้หมดเวลาทหารครองประเทศ

ดูเหมือนว่ารัฐบาลทหารของ "เมียนมา" จะเจอกับการต่อต้านอย่างหนัก ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดย ดูวา ลาชี ลา รักษาการประธานาธิบดีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG เปิดเผยว่า กองกำลังฝ่ายต่อต้าน "รัฐประหาร" ประสบชัยชนะอย่างน่าประหลาดใจนับจากเริ่มเปิดปฏิบัติการ 1027 นำโดยกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และนักรบฝ่ายต่อต้าน "รัฐประหาร" เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2023 โดยกองกำลังดังกล่าวสามารถรุกคืบและยึดค่ายทหารและบางเมืองในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดแก่บรรดานายทหาร นับจากกองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนของอองซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 และนำไปสู่การประท้วงใหญ่ทั่วประเทศ

ดูวา ลาชี ลา กล่าวว่า “หลังผ่านไป 3 ปี การปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิเข้มแข็งยิ่งกว่าเคย และแต่ละวันที่ผ่านไป เราเข้าใกล้ชัยชนะยิ่งขึ้น กองทัพที่เป็นอาชญากรจะไม่มีทางทำลายเจตนารมณ์ของประชาชนได้” นอกจากนี้เขาอ้างว่า กองทัพเผชิญการหนีทัพของทหารเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลทหาร ที่มีทหารหนีทัพเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ศ.ดร. ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นว่า สงครามกลางเมืองในเมียนมากลายเป็นสงครามที่ไม่อาจเอาชนะได้สำหรับรัฐบาลทหารแล้ว เหลือแค่รอเวลากว่าจะถึงวันที่พ่ายแพ้ในสงครามนี้ เวลานี้กองทัพใช้อาวุธหนัก ปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศเพื่อซื้อเวลา ขณะที่กำลังสูญเสียทหารในแต่ละวัน ไม่มีการรับทหารใหม่ ไม่มีกำลังเสริม ไม่มียุทโธปกรณ์เพิ่มเติม เวลานี้ฝ่ายต่อต้านมีความได้เปรียบมากกว่า

อย่างไรก็ตาม แม้กองทัพกำลังอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่นักวิเคราะห์บางคน บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า กองทัพจะพ่ายแพ้

ริชาร์ด ฮอร์ซี ที่ปรึกษาด้านเมียนมาขององค์กรไครซิส กรุ๊ป บอกว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากองทัพเมียนมาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้  การที่พวกเขาถูกต้อนให้หลังชนฝา จะทำให้พวกเขายิ่งต่อสู้ด้วยความเด็ดเดี่ยว ดังนั้นความพ่ายแพ้ไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าที่เคยในรอบหลายสิบปี

รัฐบาล NUG ประกอบด้วยนักการเมืองที่พ้นสภาพหลังการรัฐประหาร และ NUG จัดตั้งกองกำลังปกป้องประชาชน PDF ที่เป็นพลเรือน เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร หลังกองทัพใช้กำลังปราบปรามอย่างรุนแรงต่อการชุมนุมประท้วงอย่างสันติของประชาชน

ข้อมูลจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง หรือ AAPP ระบุว่า มีพลเรือนที่ต่อต้านรัฐบาลทหารอย่างน้อย 4,468 คนเสียชีวิต และอีกเกือบ 20,000 คนถูกคุมขัง นับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร

โวล์กเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ระบุว่า วิกฤตมนุษยชนในเมียนมาเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว เมื่อกองทัพพ่ายแพ้ในสนามรบ ก็เลือกใช้วิธีโจมตีทางอากาศ ที่กองทัพมีแสนยานุภาพเหนือกว่า ทำให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายแก่พลเรือนอย่างมาก  ด้าน แอมเนสตี อินเตอร์แนชันแนล และ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ร่วมเรียกร้องให้ประชาคมโลก ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสกัดกั้นไม่ให้กองทัพเมียนมาเข้าถึงเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินรบ นอกจากนี้ยังมีเสียงเรียกร้องจากประชาคมโลกให้นำตัวผู้นำทางทหารของเมียนมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสำหรับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่ออาชญากรรม

ขณะที่ภาคประชาชนในเมียนมาได้รับการเรียกร้องให้เข้าร่วมการประท้วงเงียบทั่วประเทศครั้งที่ 5 ในวันครบรอบ 3 ปีของการรัฐประหารในวันนี้ (1 กุมภาพันธ์) โดยผู้จัดการประท้วงขอให้ประชาชนอยู่ในบ้าน หรือ ปิดร้านค้าและกิจการตั้งแต่เวลา 10.00 น.-16.00 น. เพื่อแสดงการขัดขืนต่อการปกครองของกองทัพ

นอกจากนี้ยังมีการนัดประท้วงสีขาวในวันเดียวกัน ที่ต้องการให้ประชาชนร่วมสวมเสื้อผ้าสีขาว หรือติดริบบิ้นหรือปลอกแขนสีขาว และหลังจากนั้นจะจัดทุกวันจันทร์ เพื่อแสดงออกถึงความพยายามของประชาชนที่จะยุติระบอบเผด็จการทหาร