หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 แมกนิจูดขึ้นในจังหวัดอิชิกาวะ และบริเวณใกล้เคียง เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 1 ม.ค. ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกหลายร้อยครั้ง ทำให้บ้านเรือนพังเสียหายเป็นวงกว้าง ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 110 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 300 คน และอีกกว่า 211 คนยังสูญหาย
แม้ว่ากรอบเวลาวิกฤต 72 ชั่วโมงสำหรับปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือจะสิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดี แต่ปฏิบัติการกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไปในหลายพื้นที่ของอิชิคาวะ แม้ว่าการปิดถนนและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยจะทำให้เครื่องจักรขนส่งขนาดใหญ่เข้าถึงพื้นที่ภัยพิบัติได้ยาก และทำให้การบรรเทาทุกข์ยุ่งยากยิ่งขึ้นก็ตาม
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือสภาพอากาศที่คาดว่าจะมีฝนตกเพิ่มในวันเสาร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดดินโคลนถล่มซ้ำเติมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
หากไม่มีการปรับปรุงการหยุดชะงักของการจราจร อาจทำให้ทางการไม่สามารถจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติได้ทันเวลา ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนอาหาร น้ำ และเชื้อเพลิงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด สร้างความยากลำบากให้กับประชาชนในท้องถิ่น
เมืองซูสุและเมืองวาจิมะคือพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายร้ายแรงที่สุดจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ โดยข้อมูลของจังหวัดอิชิกาวะ พบว่ามีประชาชนอย่างน้อย 750 คนที่ต้องพลัดถิ่นและแยกจากครอบครัว บ้านเรือนเกือบ 95,000 หลังต้องเผชิญกับปัญหาขาดไฟฟ้า-น้ำประปาไม่ไหล และประชาชนราว 34,000 คน ต้องอพยพมาอยู่ที่ศูนย์พังพิงชั่วคราวในเมืองอิชิกาวะ
ด้านกระทรวงที่ดินระบุว่า พื้นที่อย่างน้อย 620 ไร่ในอิชิกาวะ กำลังถูกน้ำท่วมจากคลื่นสึนามิหลังเกิดแผ่นดินไหว และขอบเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอาจจะขยายวงใหญ่ขึ้นหลังจากนี้
ขณะที่สหรัฐฯ ในฐานะประเทศพันธมิตรทางการทหาร ออกมาเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า กำลังเตรียมการสนับสนุนและช่วยเหลือด้านลอจิสติกส์ทางการทหารให้กับภูมิภาคต่างๆของญี่ปุ่น ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว รวมถึงความช่วยเหลือด้านอื่นๆ อย่าง อาหาร และสิ่งของจำเป็น
ปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่กองกำลังของสหรัฐฯ ประมาณ 54,000 นาย ประจำการอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกองทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในต่างประเทศ และพร้อมที่จะสนับสนุนพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการสนับสนุนทางทหารได้ในตอนนี้