อินโดนีเซียหวั่นโควิด-19 ระบาดรอบใหม่

อินโดนีเซียเริ่มติดตั้งเครื่องสแกนความร้อนที่จุดผ่านแดนถาวร (International Point of Entry) หรือจุดแรกเข้า รวมทั้งที่สนามบินในกรุงจาการ์ตาและท่าเรือเฟอร์รีบาตัม เพื่อคัดกรองนักเดินทาง หลังโควิด-19 กลับมาระบาดในภูมิภาคและตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศ

การใช้มาตรการนี้มีขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุข ออกหนังสือเวียนเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 เรียกร้องให้มีการเฝ้าระวัง หลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ตามด้วยการแถลงย้ำเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 เรียกร้องให้ชาวอินโดนีเซียเลื่อนการเดินทางไปยังหลายพื้นที่ ที่มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น, ให้ไปฉีดวัคซีนให้ครบ 2 โดส, สวมหน้ากากอนามัย, หมั่นล้างมืออยู่เสมอและถ้ารู้สึกป่วยก็ไม่ควรออกจากบ้าน

กระทรวงสาธารณสุขยังเตือนคนที่เดินทางไปต่างประเทศด้วยว่า "เสี่ยงที่จะติดเชื้อ" เนื่องจากมีการปฏิสัมพันธ์กับคนจากประเทศอื่น ๆ พร้อมกับย้ำว่าจำเป็นต้องให้แน่ใจว่าทุกคนมีภูมิคุ้มกันเพียงพอในการเดินทาง เพื่อไม่ให้ติดเชื้อและกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อระหว่างการเดินทางและกลับไปยังบ้านเกิด 

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 พบว่ามีการติดตั้งเครื่องสแกนความร้อนถึง 2 เครื่อง ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินซูการ์โน-ฮัตตา เพื่อจับอุณหภูมิผู้โดยสารขาเข้าทั้งชาวอินโดนีเซียและต่างชาติ ซึ่งถ้าพบว่าป่วยหรือมีอาการ อาจต้องตรวจเพิ่มรวมทั้งการทดสอบด้วยการทำสว็อบ หรือการตรวจหาเชื้อจากจมูกหรือลำคอ

กระทรวงสาธารณสุขยังจัดเจ้าหน้าที่ไว้ที่อาคารผู้โดยสารของสนามบิน โดยตั้งจุดตรวจสุขภาพเพื่อดูแลผู้โดยสารที่แสดงอาการของโรค และประสานงานกับทีมแพทย์เพื่อดำเนินการติดตามผู้สัมผัสโรค และติดตั้งเครื่องสแกนความร้อนที่ท่าเรือระหว่างประเทศ 5 แห่ง ของเกาะบาตัม และกำลังพยายามขออนุมัติจากรัฐบาลกลาง เพื่อให้นำบัตรแจ้งเตือนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์กลับมาใช้ใหม่ เพื่อแสดงประวัติการเดินทางและบันทึกสุขภาพของผู้ใช้ สำหรับการคัดกรองและติดตาม



นับตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 2 ธันวาคม ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินโดนีเซียเพิ่มเป็น 32,035 คน โดยเพิ่มจาก 22,094 คน ของเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ส่วนตัวเลขเฉลี่ยของผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มจาก 136 คน เป็น 225 คน ในสัปดาห์เดียว โดยคาดว่าอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย รวมทั้งการเดินทางในช่วงปลายปี, ช่วงเทศกาลต่าง ๆ  และภูมิคุ้มกันของประชากรที่ลดลง