svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อัปเดตสถานการณ์

มุมมองของสื่อนอก กรณีสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ทะลุถึงสแกมเมอร์

ขณะที่กัมพูชาพยายามป่าวร้องว่าถูกไทยรุกราน แต่ยังมีสื่อต่างประเทศ เสนอมุมมองแยกจากเรื่องสงครามชายแดน กล่าวถึงไทยเข้าไปจัดการกับ "สแกมเมอร์" ที่ฝังรากลึก

20 ธันวาคม 2568 สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เริ่มต้นเมื่อบ่ายวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ เข้าสู่วันที่ 13 แล้ว

 

เปิดมุมมองสื่อต่างประเทศ ต่อกรณีสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ถึงการทำลายศูนย์สแกมเมอร์

 

ล่าสุด สื่อใหญ่อย่าง "วอลล์ สตรีท เจอร์นัล" (The Wall Street Journal) รายงานข่าวเจาะลึกถึงการโจมตีของกองทัพอากาศไทย ต่ออาคาร "ศูนย์สแกมเมอร์" หนึ่งในเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ โดยชี้ว่า อาคารจำนวนมากในกัมพูชาไม่ได้เป็นเพียงสถานบันเทิงหรือที่พักนักท่องเที่ยว แต่เป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ ที่ดูดเงินจากเหยื่อทั่วโลก เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน และอาชญากรรมไซเบอร์ในระดับอุตสาหกรรม

มุมมองของสื่อนอก กรณีสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ทะลุถึงสแกมเมอร์

 

ทั่วโลกได้รับรู้ว่า มีคนหลายเชื้อชาติ ถูกล่อลวงและถูกบังคับใช้แรงงานอยู่ใต้เงื้อมมือของอาชญากร บางคนถูกเรียกค่าไถ่ บางคนถูกทารุณกรรมจนเสียชีวิต เช่น กรณีการเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ที่สะท้อนปัญหาแก๊งอาชญากรค้ามนุษย์ในกัมพูชา นำไปสู่การเปิดโปงครั้งใหญ่ สร้างความโกรธแค้นในสังคมชาวเกาหลี และความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากระหว่างสองประเทศ

 

มุมมองของสื่อนอก กรณีสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ทะลุถึงสแกมเมอร์

 

รายงานของสื่อออสเตรเลีย ABC News หนึ่งในสื่อนอกที่น่าเชื่อถือ ก็นำเสนออย่างตรงไปตรงมาว่า ไทยถูกกล่าวถึงในฐานะประเทศที่ "กล้าแตะ" โครงสร้างเศรษฐกิจสีเทา ที่ไม่ใช่แค่ยิงตอบโต้กันทางทหาร แต่เป็นการท้าทายระบบ "สแกม ซิตี้" (scam cities) ที่ฝังรากลึกอยู่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่อย่างปอยเปต จังหวัดบันเตีย เมียนเจย และบาเวต  เมืองใหญ่ที่สุดในจังหวัดสวายเรียง

กองทัพไทยทิ้งระเบิดถล่มกาสิโนในกัมพูชาอย่างน้อย 5 แห่ง และแหล่งหลอกลวงทางออนไลน์ต้องสงสัยอีกหลายแห่ง โดยระบุว่า พื้นที่เหล่านี้ ซึ่งครอบคลุมอย่างน้อย 3 จังหวัด ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร รวมถึงการจัดตั้งกำลังพล การปล่อยโดรน และเก็บจรวดสำหรับเครื่องยิงจรวด BM-21

 

มุมมองของสื่อนอก กรณีสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ทะลุถึงสแกมเมอร์

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กัมพูชาได้กลายเป็นศูนย์กลางของการหลอกลวงทางออนไลน์และการค้ามนุษย์ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งมักดำเนินการจากอาคารกาสิโน หรืออาคารหลายชั้นที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ ในขณะที่การปฏิบัติการฉ้อโกง รวมถึงการหลอกลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" (pig butchering) นั้น ช่วงแรกส่วนใหญ่ดำเนินการจากเมืองชายฝั่งสีหนุวิลล์ แต่ปัจจุบันได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศแล้ว โดยที่หลายแห่งดำเนินการจากกาสิโนชายแดน ที่ในอดีตเคยให้บริการนักพนันจากประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งการพนันเป็นสิ่งต้องห้าม

 

มุมมองของสื่อนอก กรณีสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ทะลุถึงสแกมเมอร์

 

ส่วน AsiaNews ได้วิเคราะห์ด้วยการตั้งคำถามตรงๆ ว่า ความขัดแย้งครั้งนี้จะไม่มีทางเข้าใจได้เลย ถ้าไม่พูดถึง "ผลประโยชน์มหาศาล" จากศูนย์สแกมเมอร์ ที่หล่อเลี้ยงผู้มีอำนาจ เครือข่ายอาชญากรรม และเงินสีเทาที่ไหลเวียนข้ามพรมแดนทุกวัน หลังจากความขัดแย้งในเดือนกรกฎาคม นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า ศูนย์หลอกลวงอาจมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่ปรากฏ เนื่องจากกระจายอยู่ตามแนวชายแดนประมาณ 50 แห่ง เฉพาะที่โอ'เสม็ด พบว่า มีแรงงานทาสประมาณ 10,000 คน ที่ถูกใช้ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

 

ศูนย์หลอกลวงเหล่านี้ เป็นภาคส่วนที่กลายเป็น "กระดูกสันหลังของเศรษฐกิจกัมพูชา" สร้างรายได้ประมาณ 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชนชั้นปกครอง ในขณะที่คนไทยที่ตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินประมาณ 115.3 พันล้านบาทต่อปี จากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์