กระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่น เสนอรายงาน Diplomatic Bluebook ประจำปี 2566 ที่เป็นรายงานสรุปสถานการณ์ต่างประเทศ และกิจกรรมทางการทูตของญี่ปุ่นในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาในวันอังคาร (11 เม.ย.) และ โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศ แถลงว่า ญี่ปุ่นเผชิญความท้ายทายใหม่ของโลกมากมาย รวมถึง สถานการณ์ในยูเครน และความมั่นทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นจึงต้องก้าวข้ามความแตกแยกระหว่างประเทศต่าง ๆ และเขาหวังว่า รายงานฉบับนี้จะกำหนดกรอบบทบาทความเป็นผู้นำของญี่ปุ่นทั้งในประเทศและนอกประเทศ
นอกจากนี้ฮายาชิ กล่าวว่า กองทัพจีนและรัสเซียเพิ่มความถี่ในการซ้อมรบร่วมกันใกล้ญี่ปุ่น และในแง่ความมั่นคงแห่งชาติ รัฐบาลรู้สึกกังวลเรื่องนี้อย่างมาก และเชื่อว่า จำเป็นต้องเฝ้าจับตา โดยความเข้าใจนี้ของรัฐบาลถูกสะท้อนในรายงานประจำปีนี้ด้วย
รายงาน ยังประณามรัสเซียกรณีบุกยูเครนว่าเป็นการกระทำสะเพร่า ที่สั่นคลอนรากฐานระเบียบระหว่างประเทศ และปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของคนอื่น สำหรับประเทศหรือภูมิภาคใดในโลก การกระทำของรัสเซียทำให้เกิดวิกฤตอาหารและพลังงานในโลก และคำขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียทำให้โลกตกอยู่ในความกลัว
นอกจากนี้รายงาน ระบุถึงประเด็นการเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพกับรัสเซียที่หยุดชะงักด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ญี่ปุ่นสามารถพูดถึงโอกาสจัดการเจรจาภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยืนยันว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจุดยืนที่มุ่งหาทางยุติข้อพิพาทในดินแดนตอนเหนือ หรือ ที่รัสเซียเรียกว่า หมู่เกาะคูริล และบรรลุสนธิสัญญาสันติภาพกับรัสเซีย
รายงาน ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีน เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญ แต่ด้วยทัศนคติภายนอกและการเคลื่อนไหวทางทหารของจีน ญี่ปุ่น มองว่า “จีนเป็นความท้าทายทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด” ต่อการเสริมสร้างระเบียบระหว่างระเทศตามหลักนิติธรรม และญี่ปุ่นควรร่วมมือกับพันธมิตรและชาติที่มีความคิดคล้ายกัน ในการรับมือกับจีน
รายงานยังสรุปว่า ควรมีการแก้ไขประเด็นขัดแย้งในอดีตกับเกาหลีใต้ เพื่อให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีกลับคืนสู่ระดับปกติ และพัฒนาดีขึ้น และญี่ปุ่นจะร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ
ในวันเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศจีน แถลงตอบโต้ความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นว่า ญี่ปุ่นก้าวก่ายกิจการภายในของจีน และความร่วมมือกับรัสเซียไม่ได้พุ่งเป้าต่อประเทศที่สาม และจีนปฏิบัติตามกฎหมายและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน พร้อมกับเรียกร้องให้ญี่ปุ่นแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดในการทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคเลวร้ายลง และหยุดยั่วยุและสร้างแนวร่วมฝ่ายตรงข้าม รวมถึงปฏิบัตตามจุดยืนที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพกับจีน
นอกจากนี้เกาหลีใต้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงต่อรายงานของญี่ปุ่น ที่ยังคงอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะด็อกโด ในทะเลตะวันออก และระบุว่า เกาหลีใต้ยึดครองพื้นที่อย่างผิดกฎหมาย