svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Health

ตากุ้งยิงไม่ใช่โรคติดต่อ! เช็กสาเหตุ-วิธีดูแลให้หายไว

ตากุ้งยิงไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เกิดจากความไม่สะอาดและพฤติกรรมขยี้ตา แพทย์เตือนหากบวมแดง ปวดมาก หรือมองเห็นพร่าควรรีบพบจักษุแพทย์ พร้อมแนะวิธีดูแลและป้องกันอย่างถูกต้อง

KEY

POINTS

  • ตากุ้งยิงไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นการอักเสบของต่อมไขมันที่เปลือกตาจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความไม่สะอาด เช่น การใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสหรือขยี้ตา
  • การดูแลเบื้องต้นเมื่อเริ่มมีอาการคือการประคบอุ่นบ่อยๆ เพื่อช่วยระบายหนอง และห้ามขยี้ตาโดยเด็ดขาด หากอาการรุนแรง เช่น ปวดมาก บวมกว้าง หรือตาพร่ามัว ควรรีบพบจักษุแพทย์
  • สามารถป้องกันได้โดยการรักษาความสะอาดบริเวณดวงตาอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสตา และล้างเครื่องสำอางให้หมดจดทุกครั้ง

ตากุ้งยิง เป็นภาวะที่หลายคนเคยเป็นอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคติดต่อหรือเกิดจากการ “มองคนเป็นตากุ้งยิง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ยืนยันชัดเจนว่า ตากุ้งยิงไม่ใช่โรคติดต่อ หากแต่เป็นการอักเสบที่เกิดจากความไม่สะอาดและพฤติกรรมการใช้มือสัมผัสดวงตาโดยไม่ระวัง

ตากุ้งยิงเกิดจากอะไร

ตากุ้งยิงคือการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา สาเหตุสำคัญมักเกิดจากเปลือกตาไม่สะอาด เช่น การขยี้ตาบ่อย ๆ มือที่สัมผัสดวงตาไม่สะอาด ฝุ่นละอองเข้าตา การใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์โดยไม่ได้ล้างมือให้สะอาด รวมถึงการใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตาแล้วล้างออกไม่หมด สิ่งเหล่านี้ทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ต่อมไขมันและก่อให้เกิดการอักเสบได้

นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบายว่า เชื้อที่พบได้บ่อยคือ Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นเชื้อที่มีอยู่บนผิวหนังของคนปกติอยู่แล้ว โดยทั่วไปจะไม่ก่อโรค แต่หากเชื้อเข้าสู่ใต้ผิวหนังหรือบริเวณต่อมไขมัน จะทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดเป็นตุ่ม ฝี หนอง รวมถึงตากุ้งยิง

ประเภทของตากุ้งยิง

ตากุ้งยิงสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  • External hordeolum เป็นการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตาด้านนอก ลักษณะเป็นตุ่มหนองสีแดง เจ็บชัดเจน
  • Internal hordeolum เป็นการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณด้านในของเปลือกตา จะเห็นเป็นตุ่มนูนแดงและมีอาการเจ็บ
  • Chalazion เป็นการอักเสบเรื้อรังของต่อมไขมัน ลักษณะเป็นก้อนแข็ง นูน แต่กดไม่เจ็บ มักเกิดจากตากุ้งยิงที่ไม่หายขาด

อาการที่ควรสังเกต

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) นายแพทย์กิตติวัฒน์ มะโนจันทร์ ระบุว่า ในระยะแรกผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ คัน หรือเคืองบริเวณเปลือกตา จากนั้นจะเริ่มบวมแดงและปวดมากขึ้น เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บ และภายใน 4–5 วันจะเริ่มเห็นหัวฝีหรือหนอง บางรายอาจบวมมากจนลืมตาได้ยาก หากหนองแตกออกมาเองอาการจะค่อย ๆ ยุบลง

แต่หากหนองออกไม่หมด อาจกลายเป็นก้อนแข็งหรือ “ไต” ค้างอยู่ที่เปลือกตาเป็นเวลานาน และอาจกลับมาอักเสบซ้ำได้ หากมีอาการปวดมาก บวมแดงเป็นบริเวณกว้าง ตาพร่า หรือมองเห็นไม่ชัด ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที เพราะอาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือเจาะระบายหนอง

ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นตากุ้งยิงบ่อย

แพทย์หญิงอรวีณัฏฐ์ นิมิตรวงศ์สกุล หัวหน้าศูนย์ตาปลอม ระบุว่า ผู้ที่ขยี้ตาบ่อย เจอฝุ่นละอองสกปรก คนที่เป็นภูมิแพ้และมีอาการคันตา นอนดึก อดนอน หรือมีภาวะระคายเคืองตา ล้วนมีความเสี่ยงเป็นตากุ้งยิงได้ง่าย ตากุ้งยิงสามารถเกิดได้ทั้งเปลือกตาบนและล่าง ซ้ายหรือขวา และบางรายอาจเป็นพร้อมกันหลายตำแหน่ง

การดูแลและรักษาอย่างถูกวิธี

เมื่อเริ่มมีอาการบวมแดง เจ็บ หรือเคืองตา สิ่งสำคัญคือ รีบประคบอุ่น อย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นหรือเจลร้อน ประคบวันละหลายครั้ง จะช่วยให้หนองระบายออกได้ดีขึ้น ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด และไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เองโดยไม่จำเป็น ในหลายกรณีตากุ้งยิงสามารถหายเองได้หากดูแลอย่างถูกวิธี

แต่หากปล่อยให้การอักเสบรุนแรงขึ้น หรือขยี้ตาซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นก้อนชัดเจน มักไม่หายเองและอาจต้องรักษาด้วยการเจาะหนองโดยแพทย์

ป้องกันไว้ดีกว่าแก้

แม้ตากุ้งยิงจะไม่ใช่โรคร้ายแรงและไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ก็สร้างความรำคาญและกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาด้วยมือที่ไม่สะอาด ไม่ขยี้ตา ล้างเครื่องสำอางบริเวณดวงตาให้สะอาดทุกครั้ง และดูแลเปลือกตาด้วยการประคบอุ่นหรือเช็ดฟอกเปลือกตาเป็นประจำ วิธีเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดตากุ้งยิงซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตากุ้งยิงไม่ใช่โรคติดต่อ! เช็กสาเหตุ-วิธีดูแลให้หายไว