svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

เปิดประวัติ "เจ้ย อภิชาติพงศ์" 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลด้านศิลปะโลกปี 2022

ภาพยนตร์ของ "อภิชาติพงศ์" มักจะเป็นการทดลอง ท้าทาย ยั่วล้อ บิดผันขนบ และระบบคิดเดิมๆ ในการทำภาพยนตร์ นำเสนอความเป็นไทยในแบบธรรมชาติที่ไม่เสแสร้งแกล้งดัด ใช้การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึก และบรรยากาศมากกว่าการเล่าแบบเอาเรื่อง 

เปิดประวัติ "เจ้ย อภิชาติพงศ์" 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลด้านศิลปะโลกปี 2022

นาทีนี้ หากจะเอ่ยถึงชื่อของคนทำหนังที่มีความเป็นศิลปะสูงที่สุดในประเทศเรา ในยามนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงชื่อของผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมา เขาผู้นั้นมีชื่อว่า "อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล" หรือในชื่อเล่นว่า เจ้ย (ผู้ชมต่างชาติ คนทำหนังจะรู้จักเขาในชื่อ "Joe")

เจ้ย - จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และปริญญาโทด้านวิจิตรศิลป์ สาขาภาพยนตร์ จากสถาบัน The School of Art Institute of Chicago สหรัฐอเมริกา อภิชาติพงศ์เป็นหนึ่งในคนทำภาพยนตร์ชาวไทยคนแรกๆ ที่ทำงานนอกระบบสตูดิโอ ต่างกับเพื่อนร่วมอาชีพในยุคสมัยเดียวกัน

ภาพยนตร์ของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ มักจะเป็นการทดลอง ท้าทาย ยั่วล้อ บิดผันขนบและระบบคิดเดิมๆ ในการทำภาพยนตร์ โดยยึดหลักโครงเรื่องที่อิงมาจากภาพยนตร์ไทยสมัยเก่าๆ ละครวิทยุ ละครโทรทัศน์สมัยก่อนๆ ไปจนถึง การ์ตูนไทย ราคาถูกหรือที่คนเรียกกันติดปากว่า การ์ตูนเล่มละบาท ผนวกเข้ากับความเชื่อพื้นบ้าน นิทานปรัมปรา ตำนานท้องถิ่น เรื่องผีสาง แรงบันดาลใจจากละครจักรๆ วงศ์ๆ และการหยิบยกเอาเรื่องราวของคนตัวเล็กๆ ในเมืองเล็กๆ ของชนบท และเหล่าคนชายขอบที่ไม่เคยมีความหมายในสังคมขึ้นมาพูดถึง

ในภาพยนตร์ของเจ้ย เขามักจะนำเสนอความเป็นไทยในแบบธรรมชาติที่ไม่เสแสร้งแกล้งดัด ความน่ารักน่าเอ็นดูและอารมณ์ขันอันใสซื่อของคนต่างจังหวัดที่ไม่ได้นำเสนอแบบล้อเลียนเหยียดหยาม กับบทสนทนาอันไร้การปรุงแต่งของนักแสดงที่ไม่ใช่มืออาชีพ ผู้ไม่มีประสบการณ์ในการแสดงมาก่อน และใช้การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกและบรรยากาศมากกว่าการเล่าแบบเอาเรื่อง

เปิดโปรไฟล์ เจ้ย  อภิชาติพงศ์

อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล (ชื่อเล่น "เจ้ย" ในต่างประเทศนิยมเรียกเชาว่า "Joe") คุณเจ้ย เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2513 ที่ กรุงเทพมหานคร เติบโตในจังหวัดขอนแก่น 

เจ้ย อภิชาติพงศ์ เป็นบุตรชายของ นายสุวัฒน์ วีระเศรษฐกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น กับนางอรุณ วีระเศรษฐกุล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และปริญญาโท ศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาภาพยนตร์ จากสถาบันศิลปะชิคาโก​ (Art Institute of Chicago)

เขาเริ่มต้นผลิตภาพยนตร์และวิดีโอตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2533 เป็นหนึ่งในผู้ผลิตภาพยนตร์ไม่กี่คนในประเทศไทยที่ทำงานนอกระบบสตูดิโอ

อภิชาติพงศ์ มักทดลองโดยยึดหลักโครงเรื่องที่อิงมาจากละครโทรทัศน์ ละครวิทยุ การ์ตูน และภาพยนตร์เก่าๆ มักได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองเล็กๆ มักใช้นักแสดงที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่มืออาชีพ และใช้บทสนทนาสด

เส้นทางในโลกแผ่นฟิล์ม

พ.ศ. 2543 ภาพยนตร์สารคดีเรื่องยาวเรื่องแรกของเขา ดอกฟ้าในมือมาร (Mysterious Object at Noon) ได้เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมากมาย และได้รับคำวิจารณ์พร้อมรางวัล 4 รางวัล และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในปี 2543 โดยนักวิจารณ์นิตยสาร The village voice

อภิชาติพงศ์ เปิดบริษัทภาพยนตร์ Kick the Machine ผลิตภาพยนตร์เรื่อง สุดเสน่หา (Blissfully Yours) ได้รับรางวัล Un Certain Regard ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival) ประจำปี พ.ศ. 2545 ณ ประเทศฝรั่งเศส ถูกจัดเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่คานส์โดยนิตยสาร Le Cahiers du Cinema พ.ศ. 2547 ภาพยนตร์เรื่อง สัตว์ประหลาด! (Tropical Malady) ซึ่งร่วมกับบริษัท Anna Sanders Films ประเทศฝรั่งเศส ได้รับรางวัล The Jury Prize และเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับเข้าเลือกในสายประกวดหลักของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

Ghost Teen (From the Primitive Project), 2009

พ.ศ.2551 อภิชาติพงศ์  ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัล (ส่วนของภาพยนตร์สายหลัก) ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2008 

พ.ศ.2564 อภิชาติพงศ์ เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Memoria ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2021 (ครั้งที่ 74) ได้สร้างปรากฏการณ์ ผู้ชมลุกขึ้นปรบมือ หรือ Standing Ovation นานกว่า 10 นาที

ขณะเดียวกัน อภิชาติพงศ์ได้กล่าว "Long Live Cinema" หรือ “ภาพยนตร์จงเจริญ” ออกมา ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับ รางวัล The Jury Prize หรือรางวัลพิเศษจากกรรมการ นับเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่อภิชาติพงศ์ คนไทยคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ 

อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
"เจ้ย อภิชาติพงศ์" ชื่อของผู้ชายคนนี้ มักจะได้รับรางวัลสำคัญจากงานเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกหลายต่อหลายรางวัล ไม่ว่าจะเป็นในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ กับรางวัลยอดเยี่ยมในการฉายสายรอง หรือ Un Certain Regard จากหนังเรื่อง สุดเสน่หา (Blissfully Yours) (2002)

รางวัลขวัญใจคณะกรรมการ หรือ Jury Price จากหนังเรื่อง สัตว์ประหลาด! (Tropical Malady) (2004) หรือหนัง แสงศตวรรษ (Syndromes and a Century) (2006) ที่ได้รับเลือกเข้าชิงรางวัลสิงโตทองคำในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเป็นคนทำภาพยนตร์ชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปาล์มทองคำ (Palm d'or) จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 63 ในปี 2010 จากภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) (2010)

ผลงานเรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Memoria (2021) ยังเข้าชิงสายประกวดหลักของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ แถมได้รับเสียงวิจารณ์เชิงบวกอย่างท่วมท้นจากสื่อมวลชนนานาชาติ (หลังจากฉายรอบปฐมทัศน์จบ ผู้ชมต่างยืนปรบมือให้อย่างยาวนานเกือบ 14 นาที) และคว้ารางวัล Jury Price มาอีกครั้งในปี 2021

ล่าสุดชื่อของ "เจ้ย อภิชาติพงศ์" สนั่นโลกอีกครั้ง

กับการคว้ารางวัลเกรียงศักดิ์ ศิลากอง เป็นรางวัลที่เชิดชูเกียรติ ให้แก่บุคลากรด้านภาพยนตร์ และเป็นรางวัล เพื่อรำลึกถึงการจากไปของ คุณวิคเตอร์ เกรียงศักดิ์ ศิลากอง ซึ่งเป็น 1 ในผู้ริเริ่มเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพ และผู้รับรางวัลเป็นคนแรกในปี 2565 นี้ ได้แก่ ‘อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลก โดยเขาได้เดินทางมารับรางวัลนี้ด้วยตัวเองในพิธีปิดเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพ ครั้งที่ 15 ที่ SF World Cinema เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

ก่อนหน้าที่ เจ้ย อภิชาติพงศ์ จะได้รับรางวัลเกรียงศักดิ์ ศิลากอง ดังกล่าวนี้เพียงสัปดาห์เดียว ชื่อเขาก็เพิ่งติดอันดับ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลด้านศิลปะโลกปี 2022

ซึ่งได้รับการเปิดเผยจาก นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ออกมาแสดงความยินดี กับศิลปินไทย ที่ได้รับการประกาศรายชื่อ ‘Power 100’ หรือ "100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลด้านศิลปะของโลกประจำปี 2022 จากนิตยสาร ArtReview" นิตยสารศิลปะชั้นนำของอังกฤษ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ มีศิลปินไทยถึง 3  ราย ที่ได้รับการขึ้นทำเนียบ หนึ่งในนั้น ได้แก่ชื่อของ เจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ติดลำดับที่ 32  


อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

เผยอีกมุมมอง และปฏิกิริยาจากคนในวงการเดียวกัน
 
แม้ชื่อชั้นของ "อภิชาติพงศ์" เขาคนนี้น่าจะเป็นคนทำภาพยนตร์เนื้อหอม ผู้เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผลงานของเขาไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักในบ้านเรา จนสามารถกล่าวได้ว่า เขา เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่มีคนไทยดูภาพยนตร์ของเขาน้อยที่สุดคนหนึ่ง

เหตุเพราะ ภาพยนตร์ของ "อภิชาติพงศ์" มักจะให้ความสำคัญกับอารมณ์ ความรู้สึก และสัญชาติญาณมากกว่าการเล่าเรื่อง (หรือที่ผู้ชมกระแสหลักแดกดันว่า “ดูไม่รู้เรื่อง”) เขามักใช้การแช่กล้องยาวนาน ดำเนินเรื่องเนิบช้า เป็นเหตุให้นักดูหนังหลายๆ คน ที่เคยชินกับการดูหนังที่ตัดต่อฉับไวอย่างหนังฮอลลีวูด และหนังบล็อกบัสเตอร์ มักตำหนิว่า งานของเขาน่าเบื่อ ชวนหลับ ไม่ปะติดปะต่อ บ้างก็ถึงขนาดปรามาสว่า เขาทำหนังไม่เป็นด้วยซ้ำไป

ว่ากันว่าหนังของผู้ชายที่ชื่อ "อภิชาติพงศ์" ใช้ประโยชน์จากศักยภาพในความเป็นภาพยนตร์อย่างถึงที่สุด ด้วยการให้ความสำคัญกับรายละเอียดของภาพ ความเข้มข้นของแสงสว่าง และความมืด รายละเอียดอันพิถีพิถันของสีสัน การจัดวางทัศนธาตุ หรือองค์ประกอบทางสายตาอย่างละเอียดอ่อน และมิติอันซับซ้อนประณีตของการใช้เสียง

ดังนั้นการชมผลงานของ เขา ให้สมบูรณ์พร้อมจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้ชมในโรงภาพยนตร์ แต่น่าเสียดายที่โอกาสในการดูภาพยนตร์ของเขาในโรงภาพยนตร์บ้านเรามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ด้วยเงื่อนไขทางการตลาด ที่ทำให้หนังของ เขา ถูกฉายอย่างจำกัด แถมยังต้องประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายจากความคับแคบของระบบเซ็นเซอร์เมืองไทย
 

เปิดประวัติ "เจ้ย อภิชาติพงศ์" 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลด้านศิลปะโลกปี 2022

ถึงแม้หนังของ อภิชาติพงศ์ จะเดินสายไปฉายเรียกเสียงชื่นชมในโรงหนังทั่วโลก แต่ในเมืองไทย ภาพยนตร์ของเขาอย่าง "แสงศตวรรษ" กลับถูกเซ็นเซอร์โดยคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์

ส่วน "รักที่ขอนแก่น" (Cemetery of Splendor) ก็ไม่มีโอกาสเข้าฉายในเมืองไทย ตัวอภิชาติพงศ์ เองก็ประกาศหยุดทำภาพยนตร์ขนาดยาวในประเทศไทยอย่างไม่มีกำหนด

โดยผลงานของ เขา เรื่องล่าสุดอย่าง Memoria ก็เป็นหนังภาษาอังกฤษและสเปนที่ถ่ายทำในในประเทศโคลอมเบีย และนำแสดงโดยดาราภาพยนตร์ชาวอังกฤษ อย่าง
ทิลดา สวินตัน ในปี 2021 คงต้องติดตามกันต่อไปกับผลงานของผู้ชายที่ชื่อ เจ้ย อภิชาติพงศ์ ว่าจะมีผลงานอะไรออกมาให้โลกได้ติดตามกันต่อไป (ในอนาคต) 

เปิดผลงานระดับโลก

ผลงานภาพยนตร์เรื่องยาว รักที่ขอนแก่น (Cemetery of Splendour) (พ.ศ. 2558)
รางวัล และเกียรติยศที่ได้รับ In competition, Un Certain Regard - 2015 Cannes Film Festival.

ลุงบุญมีระลึกชาติ‎ (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) (พ.ศ. 2553) รางวัลและเกียรติยศที่ได้รับ รางวัลปาล์มทองคำ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 63 

แสงศตวรรษ (Syndromes and A Century) (พ.ศ. 2549)
รางวัลและเกียรติยศที่ได้รับ In competition, Venice Film Festival, Italy, 2006
รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Lotus du Meuilleur Film-Grand Prix ในงานเทศกาล

ภาพยนตร์จากเอเชีย ครั้งที่ 9 ประเทศฝรั่งเศส

สัตว์ประหลาด! (Tropical Malady) (พ.ศ. 2547)
รางวัลและเกียรติยศที่ได้รับ
The Jury Prize, Cannes Film Festival, France, 2004[5]
Age d’or Prize, Cinédécouvertes, Belgium, 2004
Grand Prize, Tokyo Filmex, Japan, 2004
Best Film, The xx International Gay & Lesbian Film Festival in Turin, Italy, 2005
Special Jury Prize, The xx International Gay & Lesbian Film Festival in Turin, Italy, 2005
Special Jury Prize, Singapore International Film Festival, Singapore, 2005

หัวใจทรนง (The Adventure of Iron Pussy) (พ.ศ. 2546)

สุดเสน่หา (Blissfully Yours) (พ.ศ. 2545)
รางวัลและเกียรติยศที่ได้รับ
Le Prix Un Certain Regard, Cannes Film Festival, France, 2002
Golden Alexander Award – Best Film, Thessaloniki Film Festival, Greece, 2002, Grand Prize, TOKYO FILMeX, Japan, 2002

The Circle of Dutch Film Critics Award, Rotterdam International Film Festival 2003, The International Critics Award (FIPRESCI Prize), Buenos Aires Film Festival 2003, Silver Screen Award, Singapore International Film Festival 2003, Best International Film Award, Images Festival, Canada 2004

ดอกฟ้าในมือมาร (Mysterious Object at Noon) ภาพยนตร์สารคดี (พ.ศ. 2543)
รางวัลและเกียรติยศที่ได้รับ
2nd Prize, Yamagata International Documentary Film Festival, Japan, 2001
NETPAC Special Mention Prize, Yamagata Documentary Film Festival, 2001
Grand Prix - Woosuk Award, JeonJu International Film Festival, Korea, 2001
Special Citation, "Dragons & Tigers," Vancouver Film Festival, Canada, 2000

Memoria, 2021

Memoria (พ.ศ.2564)
รางวัลและเกียรติยศที่ได้รับ
The Jury Prize, Cannes Film Festival, France, 2021

ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ขนาดสั้น

Song Of The City (2561) หนึ่งในโครงการภาพยนตร์สั้น Ten Years Thailand
นิมิต (Meteorites) (2550) ภาพยนตร์สั้นในชุด แด่พระผู้ทรงธรรม

Ghost of Asia/ collaboration with Christelle Lheureux (พ.ศ. 2548)
Worldly Desires, Korea (พ.ศ. 2548)

It is Possible That only Your Heart is Not Enough to Find You a True Love, Korea. (พ.ศ. 2547)

This and Million More Lights, for Nelson Mandela Foundation, South Africa (พ.ศ. 2546)

Golden Ship/ Brugge Museum - Belgium & Opera City Gallery - Japan (พ.ศ. 2545), Second Love in Hong Kong/ collaboration with Christelle Lheureux (พ.ศ. 2545)

I was Sketching/ segment of multi projections, ICC - Sapporo, Japan (พ.ศ. 2544)

Masumi is a PC Operator/ Fumiyo is a Designer (พ.ศ. 2544)
Haunted Houses: Swan’s Blood/ collaboration with Masahito Araki (พ.ศ. 2544)

Haunted Houses/ Istanbul Biennale, Turkey (พ.ศ. 2544), Boys at Noon (พ.ศ. 2543), Malee and the Boy (พ.ศ. 2542)

The Lungara Eating Jell-O/ World Artists for Tibet Exhibition (พ.ศ. 2541)
Thirdworld (พ.ศ. 2540), Like the Relentless Fury of the Pounding Waves (พ.ศ. 2538), Kitchen and Bedroom (พ.ศ. 2537)

ลุงบุญมีระลึกชาติ (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) (2010)

ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย ข้อมูลอ้างอิงจาก >>
“เจ้ย อภิชาติพงศ์” ผู้กำกับไทยปลุกรัฐบาลบนเวทีคานส์ กับ 2 ธุรกิจในมือ
Festival de Cannes : Juries 2008
‘อภิชาติพงศ์’ คอลเอาท์บนเวทีหนังเมืองคานส์ หลัง ‘Memoria’ คว้า JURY Prize ไปครอง สืบค้นเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2564
รางวัลปาล์มทองคำ สืบค้นเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2564
Jury Prize (Cannes Film Festival) สืบค้นเมื่อ 18 กรกฏาคม พ.ศ.2564
‘อภิชาติพงศ์’ คอลเอาท์บนเวทีหนังเมืองคานส์ หลัง ‘Memoria’ คว้า JURY Prize ไปครอง สืบค้นเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2564

ที่มาแหล่งข้อมูลอื่นๆ อาทิ
flag    สถานีย่อยประเทศไทย
          สถานีย่อยภาพยนตร์
สัตว์วิกาล: ภาพเรืองแสงของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เก็บถาวร 2008-01-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ที่ ฐานข้อมูลภาพยนตร์ไทย (ThaiFilmDb.com)
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล มนุษย์ทดลอง บทสัมภาษณ์อภิชาติพงศ์ ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร mars ฉบับเดือนธันวาคม 2548 และเป็นบทหนึ่งในหนังสือ นกของพระเจ้า (openbooks, มีนาคม 2549)
อานุภาพแห่งเรื่องส่วนตัว อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล บทสัมภาษณ์ในนิตยสารฟรีฟอร์ม ฉบับเดือนมกราคม 2550
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
Hunt, Matthew (2020). Thai Cinema Uncensored. Chiang Mai: Silkworm Books. ISBN 9786162151699.

"เจ้ย อภิชาติพงศ์" 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลด้านศิลปะโลกปี 2022