งานหดเงินหาย "ปราปต์ปฎล" เปิดใจ หลังถูกกระแสโจมตี โยงเอี่ยวคดี Forex 3D

จากกรณี นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ดารานักแสดง เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล  ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคดี Forex 3D โดยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น (อ่านข่าว)

ล่าสุดวันนี้ "ปราปต์-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง" นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่ พร้อมที่ปรึกษากฎหมาย ตั้งโต๊ะเปิดใจตอบคำถามกับสื่อมวลชนจากประเด็นที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน หลังพบว่ามีความเชื่อมโยงในคดีแชร์ Forex-3D

โดย "ปราปต์" ยืนยันว่าเงินในบัญชีของตนไม่เคยเกิน 3 ล้านบาท และได้ชี้แจงว่ารถหรูที่ถูกยึดไปนั้นไม่ใช่รถของตนแต่เป็นรถของจิ๊กกี๋ที่เป็นภรรยาใหม่ของตน โดยเล่าถึงที่มาว่าปี 58 ได้รู้จักจิ๊กกี๋ก็คบกันสักพักก็จบกันไป จนปี 62 คุณจิ๊กกี๋ได้โทรมาและได้ติดต่อกัน จนมางานศพของพ่อคุณจิ๊กกี๋ ตนก็ไม่เห็นสามีของเขา ตนจึงได้ถามถึงสามีของเขาและเขาก็บอกว่าเลิกรากันไปนานแล้ว หลังจากนั้นตนกับคุณจิ๊กกี๋ก็ได้ติดต่อมาพบเจอกันบ้างด้วยรถหรูคันดังกล่าวที่ถูกยึดไป และพอปี 63 ที่เกิดขึ้นท่วมใหญ่ คุณจิ๊กกี๋ก็ได้มาถามตนว่ามีที่จอดรถหรือไม่เพราะน้ำท่วม ตนก็เลยบอกไปว่ามาจอดที่บ้านเพื่อนตนก็ได้ จนมาอยู่วันหนึ่งมีคนนึงมางัดห้องและบอกว่าของในห้องถูกดีเอสไอยึดไป ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งตอนนั้น Forex-3D เริ่มเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่คุณจิ๊กกี๋เลิกรากับคุณอภิรักษ์และอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอยู่

นอกจากยังยืนยันด้วยว่า รถหรูคันดังกล่าวไม่ได้มีการปกปิดทรัพย์สินอะไรเลย เพราะจอดไว้ที่โรงจอดรถหน้าบ้านเพื่อนตน ไม่ได้มีผ้าคลุมรถด้วยซ้ำ มองผ่านเข้าบ้านไปก็เห็น รวมถึงบ้านหรูที่จังหวัดราชบุรีก็ไม่ใช่ของตนด้วย ตนถูกทางช่องยกเลิกงาน ทั้งที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์เลยว่าตนมีความผิดจริง เพราะตนยืนยันว่าตนไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับ Forex-3D เลย โดยที่ผ่านมาตนไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้เลย แต่ตอนนี้ตนได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะงานถูกยกเลิก ซึ่งรายได้ของตนมาจากการเป็นนักแสดงเพียงอย่างเดียว ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ตนจึงได้รับผลกระทบ เพราะตนจะตกงานแล้ว ตนจึงจำเป็นและถึงเวลาที่ต้องออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว ทำไมสื่อมวลชนถึงพุ่งเป้ามาที่ตน หลังจากที่มีชื่อดารา ป. ทั้งที่ตนไม่เกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องด้วยเลย แต่ก็ขอบคุณสื่อมวลชน เพราะทำให้ตนได้รู้ข่าวว่าถูกหมายเรียกมา 2 ครั้งแล้ว แต่ตนไม่เคยได้รับเลย จนเป็นที่มาว่าตนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหากับทางดีเอสไอในวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา

"ปราปต์" ยืนยันด้วยว่า คนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย จะเกี่ยวก็แค่เรื่องเดียวคือตนขับรถหรูของจิ๊กกี๋ในวันที่เขาป่วยเท่านั้นเอง และยืนยันว่าตนรู้จักจิ๊กกี๋ดีพอ เพราะเขามาอยู่กับตน ตนก็ดูแล ส่วนเขาเองก็ไม่อยากอยู่นิ่งๆ เพราะต้องเลี้ยงดูแม่เขาด้วย เพราะจากคนที่มีรายได้มาเป็นไม่มีรายได้ เขาก็พยายามหารายได้ทำขนมขาย ซึ่งตนยังรู้สึกตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ว่าเขายังเป็นคนดี  ขณะนี้ตนเริ่มถูกบอกเลิกจ้างงานละครแล้ว 2 เรื่อง ซึ่งตนถือว่าตกงานและรายได้หายไป ตนยืนยันว่าไม่เคยเกี่ยวข้องด้วยเลยกับเรื่องนี้ พร้อมกับบอกว่า การออกมาพูดครั้งนี้ของตนนั้น ตนโล่งใจมากขึ้น และหวังว่าผู้ใหญ่ที่ช่องและผู้จัดจะเข้าใจและเห็นใจตนมากขึ้น ซึ่งตนน้ำหนักลด 5 กิโลกรัม ตนเจ็บคำทุกพูดและคำตัดสิน แต่สุดท้ายแล้วเมื่อความจริงปรากฎและมั่นใจในข้อมูลที่ตนพูดในวันนี้ก็มาร่วมกันแก้ไขให้สังคมเข้าใจ

"ปราปต์" กล่าวทั้งน้ำตาด้วยว่า ตนจะไม่ปล่อยมือคุณจิ๊กกี๋ภรรยาอย่างแน่นอน โดยตนไปเยี่ยมน้องทุกวัน แม้จะไม่มีเวลาตนก็จะปลีกเวลาไปให้ได้ ตนเชื่อมั่นว่าจิ๊กกี๋เป็นคนดี และชีวิตตนเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มีคุณจิ๊กกี๋เข้ามาในชีวิต อย่างเช่น ใจเย็นขึ้น เพราะตนเชื่อมั่นและอยากใช้ชีวิตคู่กับเขาจริงๆ

ขณะที่ "นก" ที่ปรึกษาทางกฎหมายกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจเจตนารมย์ของดีเอสไอว่าเพราะเหตุใดถึงโยงปราปต์เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี   Forex-3D เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย ซึ่งถ้าจะพูดก็คงบอกได้ว่านายปราปต์ไม่ได้มีซีนอะไรในเรื่องนี้เลย

คุณนก กล่าวถึงความสัมพันธ์ของคุณจิ๊กกี๋กับคุณปราปต์ด้วยว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด และยืนยันว่าช่วงนายอภิรักษ์ที่เป็นสามีเก่าของคุณจิ๊กกี๋ถูกจับ ในขณะนั้นจิ๊กกี๋ได้เลิกรากันไปแล้วและถึงได้มาคบหาอยู่กินกับทางนายปราปต์ ซึ่งรถหรูคันดังกล่าวมาทราบทีหลังด้วยว่านายอภิรักษ์เป็นคนซื้อด้วยเงินสด

ด้านนายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความที่ปรึกษาทางกฎหมายของคุณปราปต์ กล่าวว่าการจับกุมคดี Forex-3D นั้นตนเห็นด้วย แต่ต้องดูด้วยว่าคนที่จับไปเขาผิดหรือไม่ พร้อมกับบอกว่าตนกล้าการันตีให้กับคุณปราปต์ว่าบริสุทธิ์จริง พร้อมตำหนิการทำงานของทางดีเอสไอ และหลังจากนี้จะดำเนินคดีกับสื่อที่ไม่มีหลักฐานในการนำเสนอข่าวด้วย