อนึ่งนอกจากประเด็นการขอบคุณในความร่วมมือด้านศาสนาแล้ว นายวีระ ยังเผยถึงการร่วมมือกันอีกครั้งในการร่วมศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสองประเทศ ซึ่งไม่ได้หยุดอยู่แค่ยุคของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ทั้งนี้ผืนดินวัฒนธรรม ศาสนายังสานต่อและเชื่อมสัมพันธ์กันอีกด้วย นั่นหมายถึงจะทำให้เปลี่ยนมุมมองทางประวัติศาสตร์ ที่เคยได้รับมาและก้าวเข้าสู่ความร่วมมือ พันธมิตรในประชาคมเศรฐกิจอาเซียนอย่างแท้จริง ซึ่งทางรัฐมนตรีจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาก็จะนำข้อมูลนึ้ไปเสนอแก่คณะทำงานอีกครั้ง
ทั้งนี้รัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่าเนื่องจากเมียนมานั้น กำลังเดินหน้าสู่การนำเสนอสถานที่สำคัญอื่น ๆ สู่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกกว่า 10 สถานที่ ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่มีการบริหารจัดการมรดกโลกที่สามารถนำมาเป็นกรณีศึกษาได้ดีจึงสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญเข้ามามีส่วนร่วมกับทางเมียนมา เหมือนครั้งที่ผ่านมาในการขึ้นทะเบียนเมืองศรีเกษตร เป็นมรดกโลกแห่งแรกของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมานั่นเอง
ในการเดินทางเยือนเมียนม่า คณะจากกระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย ยังเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระสังฆราช แห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ดร.พระภัตทันตะ กุมารภิวังสา เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกราบทูลเชิญเสด็จร่วมงานสวดมนต์ข้ามปี ณ ประเทศไทยอีกครั้งในช่วงปลายปี 2562 สู่ 2563 ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงยินดีตอบรับและพร้อมจะเผยแผ่พระศาสนาทุกที
นอกจากนี้ยังมีภารกิจในการเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เอกชนเมืองสิเรียม ที่จัดตั้งโดย ดร. ขิ่น ฉ่วย ประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารจำนวน 6 อาคาร ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุมีค่าต่างๆ กว่า 5,000 ชิ้น อาทิ เครื่องปั้นดินเผาสมัยอาณาจักรพยู พระคัมภีร์โบราณ พระพุทธรูป งานไม้แกะสลัก เครื่องเขิน และภาพวาดสีน้ำมันโดยพิพิธภัณฑ์เมืองสิเรียมเป็นสถานที่เก็บรักษาวัตถุโบราณ เพื่อรอการนำไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์มิงกาลาดอน กรุงย่างกุ้ง ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง โดยกำหนดแล้วเสร็จในปลายปี 2562 ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย
สุดท้ายนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวโดยสรุปว่า การเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาครั้งนี้ ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศที่ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งส่งผลให้อนาคตกรอบวัฒนธรรมและการบูรณาการ ความร่วมมือด้านต่าง ๆ รวมถึงความช่วยเหลือส่งเสริมซึ่งกันและกันจะเกิดขึ้นอย่างราบรื่นในลำดับต่อไป
.
.
.
.