ครูโขนไทย ยินดีสอนโขนให้กัมพูชา
กรณีกัมพูชาร้องขอให้ยูเนสโก ช่วยสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศด้านโขน เพราะกัมพูชาขาดแคลนครูโขน ซึ่งมีคนไทยส่วนหนึ่งเกรงว่า ไทยอาจต้องถ่ายทอดวิชาโขนให้กัมพูชา แต่รมว.วัฒนธรรม และเหล่าศิลปินแห่งชาติ ก็บอกว่า ยินดีสอนและให้มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
หลังจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้จัดการประชุมที่กรุงพอร์ตลูอิส ประเทศมอริเชียส เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา และมีมติประกาศขึ้นทะเบียน"การแสดงโขนไทย"ไว้ในบัญชีมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ด้านนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม ก็ได้จัดแถลงข่าว"โขน"มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 30 พ.ย.ทันที เพื่อเป็นการแสดงความยินดี ที่โขนไทย ได้ขึ้นบัญชีมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในครั้งนี้ โดยจะมีกิจกรรมสำหรับเฉลิมฉลองโขนตลอดปีหน้า 2562 ขณะที่ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ บอกว่า สมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระเทพฯ ให้การสนับสนุนให้มีการจัดการแสดงโขนขึ้นทุกปี เวลาที่จะแสดงจะมีการสร้างฉาก สร้างเทคนิคต่างๆ ให้ทันสมัย คนดูไม่เบื่อ ต้องเรียกว่าโขนแพร่หลายจากพระมหากรุณาธิคุณของทั้ง 2 พระองค์ ส่วนกรณีที่ประเทศกัมพูชา มีการร้องขอให้ทางยูเนสโก ช่วยสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศด้านโขน เพราะกัมพูชาขาดแคลนครูโขน และมีคนไทยส่วนหนึ่งเกรงว่า ประเทศไทยอาจจะต้องถ่ายทอดวิชาโขนให้กับกัมพูชา รมว.วัฒนธรรม ก็บอกว่า ไม่มีปัญหา ถ้าจะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพราะตั้งใจว่าจะเชิญ ละครโขล ของ กัมพูชา มาแสดงที่ประเทศไทยอยู่แล้ว ส่วนจะต้องเข้าไปช่วยเหลือดูแลเรื่องการสอนให้กัมพูชาหรือไม่นั้น นายวีระ บอกว่า ไทยไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแล เพราะรัฐบาลของกัมพูชามีงบประมาณดูแลตรงนี้อยู่แล้ว
ขณะที่ครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-โขน)ประจำปี พ.ศ.2551 ก็บอกว่า ยินดีไปสอนโขนให้กัมพูชา หากรัฐบาลมีคำสั่งให้ไป แต่การสอนก็ต้องสอนแบบโขนไทย ซึ่งทางกัมพูชาจะรับได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องของกัมพูชาด้าน ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) พ.ศ. 2548 คณบดีคณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ก็บอกว่า ตัวเขายินดีที่จะเผยแพร่โขน แต่จะต้องทำให้เป็นกิจลักษณะ เช่น มีลายลักษณ์อักษร มีจดหมายเหตุ หรืออะไรก็ได้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อไปในภายภาคหน้า ไม่ใช่ว่าเราไปสอนเขา กาลเวลาผ่านไปคนรุ่นหลังไม่รู้ กลายเป็นของเขาไปอีก เพราะในสมัยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็เคยส่งคนไปถ่ายทอดมาแล้ว