
"หญิงแย้" แถลงถึงสาเหตุที่ทำให้ชีวิตรักมาถึงจุดแตกหักว่า มาจากงานปาร์ตี้ โดยมีข้อบังคับของคุณหมอให้กลับตอน 4 ทุ่ม จนทุกวันนี้ไม่มีคุณหมอก็ยังปฎิบัติอยู่ จนมีวันหนึ่งทำงานเสร็จก็เลยอยากไปเที่ยวต่อโดยโทรหาคุณหมอ ก็โทรไม่ติดเที่ยงคืนก็ยังไม่ติด เลยทิ้งไลน์ขออนุญาติคุณหมอและชวนไปเที่ยวด้วย พอคุณหมออ่านตอนเที่ยงคืนกว่า ก็ถูกว่า ทำไมไม่กลับบ้านแต่งงานแล้วทำไมยังเที่ยวอยู่ จนกลับถึงบ้านก็ถูกว่าเหมือนเดิม แย้ก็เลยถอดแหวนแต่งงานวางไว้ที่หน้าเขาแล้วก็ได้เก็บของบางส่วนและก็บอกกับคุณหมอ "เค้าคงไม่ดีพอหรอก" หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย
พิธีกรสาว กล่าวว่าจริงๆแล้วเป็นเรื่องที่แย้ไม่อยากประกาศให้สังคมได้รับรู้เลย แต่แย้ นึกถึงความคิดเห็นของคน นึกถึงคนทั่วไปว่า เขามองเรายังไง เราอ่านเรารู้สึกสะเทือนใจว่า จริงๆแล้วเป็นเรื่องของคนสองคน สุดท้ายพอคนเริ่มรู้ จริงๆตั้งแต่เลิกกับคุณหมอมาเนี่ย ยังไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย ทั้งสิ้น ไม่ได้อยากออกมาพูด อยากเก็บเป็นความลับเฉยๆ และมันก็เสียหายกับแย้มากแล้ว ในโซเชียลกระแสแรงมาก ไม่ได้กระทบกับแย้คนเดียว แต่กระทบถึงคุณพ่อคุณแม่ และญาติของแย้ด้วย
สาเหตุที่เลิกกัน เป็นเรื่องของทัศนคติและไลฟ์สไตล์ที่ไม่ตรงกัน!
ผู้สื่อข่าวถามว่า 9 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันเลยหรือ?
หญิงแย้ กล่าวว่า 9 ปีที่ผ่านมา แย้เรียนรู้กับเขามาโดยตลอด แย้ยอมรับว่าค่อนข้างปรับเปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากว่าแย้รักเขามาก ตั้งแต่เราเป็นแฟนกันใหม่ๆ แต่แย้ยังเด็ก ทำให้แย้เชื่อฟังเขาทุกอย่าง เคารพเขาทุอย่าง สิ่งที่เขาสั่งสอนทุกอย่าง แย้ทำตามหมด จริงๆแล้วแย้เป็นคนที่ไม่ได้เชื่อฟังใครขนาดนั้น ยอมรับว่าตอนเด็ก สมัยที่แย้มีป๊อปปี้เลิฟ แย้เป็นฝ่ายเป็นผู้นำ คอยสั่งแฟนให้ทำโน่นทำนี่ ยอมรับว่าแย้เปลี่ยนตัวเอง จากคนที่ชี้นิ้วสั่ง กลายเป็นคนนอบน้อม เชื่อฟังเขาทุกอย่าง ด้วยวุฒิภาวะ อายุ เราเคารพและเชื่อฟังเขา การเปลี่ยนตัวเอง และการมีชีวิตคู่ ต้องเปลี่ยนตัวเองอยู่แล้ว แต่แย้คิดว่า แน่นอนแย้รักเขา ทำแบบนี้เพราะแย้รักเขา แย้อยากให้เขามีความสุข แย้เปลี่ยน เพราะแย้อยากให้เขามีความสุข
แต่แย้คิดว่า สิ่งที่เราเป็นตัวเอง สิ่งที่เราอดทน มันก้าวผ่านไปได้ แต่สุดท้ายเหมือนกับว่าเราต้องถอยออกมา นอกเหนือกับสิ่งที่แย้อดทนมานาน มีจุดแตกหักด้วย
เรื่องประเด็นสังสรรค์!
สำหรับเรื่องประเด็นสังสรรค์ ทุกคนมองว่าแย้เป็นผู้หญิงปาร์ตี้ ทั้งๆที่ไม่ใช่ แย้เมีเคอร์ฟิว ซึ่งคุณหมอสั่งมาตลอด เป็นกฏอยู่แล้วว่า แย้ต้องกลับบ้าน 4ทุ่มครึ่ง และแย้ปฏิบัติมาตลอด เพื่อนแย้ทุกคนก็เห็นว่า 4 ทุ่มครึ่งปุ๊บ แย้กลับบ้านแล้ว แต่ถ้าจะอยู่เกินเวลาจะมีคุณหมอมาอยู่กับแย้โดยคลอด เชื่อฟังในคำสั่งสอนที่เขาปูทางไว้ให้กับแย้
แย้ยอมรับว่าแย้ใจร้อน เหมือนกับว่าเป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน ย้อนกลับไปที่จุดแตกหัก คือ ปกติกลับบ้าน 4 ทุ่มครึ่ง เราไปทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านแถวทองหล่อ เพื่อนถามว่าจะไปต่อไหม แย้รู้สึกว่าอยากไปต่อ เพราะว่าไม่ได้เที่ยวมานานแล้ว เลยโทรหาคุณหมอว่าจะไปเที่ยวต่อ ตามมาด้วยไหม อยากให้ตามมา แต่คุณหมอไม่รับสายเลย
ถ้าดูในไอจี แย้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจร้านอาหาร และมีธุรกิจหลายอย่าง ธุรกิจเราเยอะเราไม่สามารถจะอยู่บ้านได้ ยังไงเราต้องออกมาข้างนอก ใครทำงานด้านเอเจนซี่ โฆษณา จะรู้ว่าการประชุมช่วงกลางวันมีน้อย จะเริ่มประชุมกันก็ 2 ทุ่ม ต้องตามใจลูกค้า แต่แย่้ก็ไม่เคยกลับหลัง 4 ทุ่มครึ่ง
แต่แย้ก็ยังเชื่อฟังเขา โทรตั้งแต่ 2ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน ไม่รับสายเลย แย้พยายามติดต่อ แต่ติดต่อไม่ได้ แย้ก็ให้เพื่อนๆ พยายามช่วยกันโทรเพราะเพื่อนก็อยากให้แย้ไปเที่ยวกับเขาต่อ แต่โทรไม่ติด จึงทิ้งไลน์ไว้ว่า แย้ไปเที่ยวนะ ยังไงตามมานะ
โดยปกติคุณหมอก็จะตามมาอยู่แล้ว เราก็ไป จากนั้นคุณหมอติดต่อกลับมาช่วงเที่ยงคืน แย้รับสาย คุณหมอถามว่าอยู่ที่ไหน เราบอกว่าอยู่ที่นี่กำลังเที่ยวอยู่ เขาก็ต่อว่าแย้ ทำไมไม่กลับบ้าน แต่งงานแล้วทำไมเที่ยวอยู่ ทำไมสำมะเลเทเมา จะไม่ปาร์ตี้ซักวันได้ไหม แล้วแย้ก็ถามว่า พยายามชวนคุณหมอแล้ว แย้ยอมรับว่าอยากไปจริงๆ เพราะไม่ได้เที่ยวมานาน ชวนแล้วในไลน์ โทรไปก็ไม่รับตั้ง 3-4 ชม. แต่คุณหมอไม่ได้ตอบคำถามนี้ เราก็รับฟังคำที่คุณหมอต่อว่ามาก่อน
จนกระทั่งแย้กลับถึงบ้าน เขาก็ว่าเราเหมือนเดิม ประโยคเดิม ก็เป็นอะไรที่อึดอัดมาก แย้ก็นึกไปถึงว่าสิ่งที่เราอึดอัดมานาน เรื่องการเปลี่ยนตัวเอง แย้ก็เลยรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว แย้เลยถอดแหวนแต่งงาน แล้ววางไว้ที่หน้าคุณหมอ แล้วแย้ก็เก็บของสำคัญบางส่วนที่แย้เก็บออกมาได้ ก่อนที่แย้จะออกจากห้อง แย้บอกกับคุณหมอว่า เค้าคงไม่ดีพอสำหรับตัวเองหรอก คุณหมอมองหน้าอย่างเดียวไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน
มาถึงวันเกิดแย้ เป็นวันเกิดที่ศร้ามาก เราคิดว่าต้องมีเซอร์ไพร์ส เราหายไปจากบ้าน เราหายไปจากหมอ 4 วัน ไลน์เราก็ไม่ได้บล็อก โทรศัพท์ก็ไม่ได้บล็อก พร้อมที่จะให้เขาติดต่อ
เริ่มต้นใหม่ตั้งปณิธานว่าจะไม่กลับไป จนวันที่ 26-27 เม.ย. ไม่แน่ใจวัน พ่อแม่ยังไม่ทราบ เพิ่งกลับมาจาก ตปท.พอดี เลยนัดคุณพ่อคุณแม่กินข้าว เล่าให้ฟังว่า แย้เลิกกับคุณหมอแล้ว คุณพ่อคุณแม่่ไม่ขัดอะไร เราอธิบายเหตุผลต่างๆให้ฟัง ท่านเข้าใจ
แย้ delete คุณหมอออกจากกลุ่มครอบครัว ไม่นาน คุณหมอไลน์ถามคุณพ่อคุณแม่ของแย้ว่า อยากให้มาทำความเข้าใจกัน เขาบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า ถ้าจะจบขอให้จบกันด้วยดี
แย้ทำธุรกิจ ซึ่งอยู่นอกบ้าน แต่คุณหมอ enjoy อยู่ในบ้านมาก คุณหมอชอบดูหนัง จะสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีความสุขอยูในบ้าน ตัวแย้เองไม่ได้เล่นฟิตเนส หนังแย้ก็ดูไม่ได้ คือเหมือนไม่ตรงกันหลายอย่าง
9 ปีที่คบกัน ต้องรู้สิว่า ไลฟ์สไตล์เป็นยังไง ใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องรู้ว่า คนนี้เป็นแบบนี้
แย้รู้มาตลอด แย้เปลี่ยนตัวเองมาตลอด แย้ทำใจรับมัน
สำหรับเรื่องสินสอดนั้นหญิงแย้ยืนยันว่าไม่ได้อะไรเลย พร้อมกล่าวว่า คืนไปหมดแล้วมีแค่กำไลเพชรอันเดียวที่ติดตัวมา ทะเบียนสมรสก็ไม่ได้จด"เรื่องสินสอดไม่เป็นประเด็นเรื่องการเลิกกันเลย สังคมบอกว่า แย้หน้าเงิน เรื่องสินสอด 100 กว่าล้าน ขอแบ่งเป็นสองส่วน เรื่อง 100 ล้าน คือ มูลค่าของโรงพยาบาลของหมอ เรื่องรถยนต์ก็ของหมอทั้งหมดไม่ใช่ของแย้ ส่วนสินสอด 30 ล้าน ต้องขอโทษสื่อมวลชนด้วย ตอนที่มีพิธีหมั้น แย้สัมภาษณ์ไปว่าทั้งหมดมูลค่า 30 ล้าน แต่แย้ไม่ได้อะไรอะไรเลย แย้คืนแหวนเพชร และต่างหูเพชร ไปแล้ว เพราะเรื่องสินสอดก่อนเข้าพิธีหมั้น หมอบอกว่าอยากให้สมเกียรติ ดูยิ่งใหญ่และดีสำหรับครอบครัวแย้ ทางพ่อแม่แย้ก็ไม่ขัดอยู่แล้ว และให้คืนไป เพราะชีวิตคู่ ยังไงก็ต้องอยุ่กับหมอไปชั่วชีวิตอยู่แล้ว ตอนนั้นคิดแบบนั้น"สิ้นสุดการสนทนา