น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ Nation STORY ว่า เงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 35.80.36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยนักลงทุนจะให้ความสนใจกับรายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟด รวมถึงการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร หรือ บอนด์ยิลด์ของสหรัฐฯ และการคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟด
สำหรับปัจจัยในประเทศสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ประกาศจีดีพีไตรมาส 1/67 ซึ่งกรุงศรีคาดจีดีพีขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนประเด็นท่าทีของกระทรวงการคลังที่ผ่อนคลายลงต่อการตัดสินใจด้านดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน( กนง.) มองว่าเป็นปัจจัยบวกในแง่การรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
ส่วนการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคช่วง 1พ.ค.-17 พ.ค.เม.ย. พบว่า สกุลเงินส่วนใหญ่แข็งค่า นำโดย บาท-ไทย 2.14 % รองลงมาเป็น ริงกิต-มาเล เซีย 1.86 % วอน-เกาหลีใต้ 1.82% รูเปียห์-อินโดนีเซีย 1.74% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 1.33% ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.99% หยวน-จีน 0.20% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.10% ยกเว้น ดอง-เวียดนามแข็งค่า 0.44% รูปี-อินเดีย แข็งค่า 0.07% |
สาเหตุที่เงินบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาคเกิดจาก
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ Nation STORY ว่า เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งก็เป็นไปตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ซึ่งขณะเดียวกัน การที่ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง หลังตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ก็ช่วยให้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ในระหว่างสัปดาห์เรายังเห็นแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้ประกอบการบางอุตสาหกรรม รวมถึงแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งก็ช่วยให้ เงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดโซนแนวรับหลัก 36.50 บาทต่อดอลลาร์ จนเกือบจะไปทดสอบแนวรับหลัก 36.00 บาทต่อดอลลาร์ได้