นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางทองคำในสัปดาห์หน้ากับ Nation STORY ว่า ราคาทองคำช่วงเดือน 1 เม.ย.-11 เม.ย. ปรับตัวขึ้น ประมาณ 105 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำมีปัจจัยหนุน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ กรณีที่รัสเซียอ้างว่ายูเครนได้ใช้โดรนโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย และรายงานว่าบุตรคนที่ 3 ของผู้นำกลุ่มฮามาสถูกกองทัพอิสราเอลสังหารในการปฏิบัติการโจมตีฉนวนกาซา และอิสราเอลกำลังจะโจมตีเพิ่มเติม โดยตลาดกังวลว่าสถานการณ์ตะวันออกกลางอาจขยายวงกว้าง ด้านสหรัฐฯ และอิสราเอล เตรียมพร้อมป้องกันการโจมตีจากอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบ แทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้น กดดันให้ราคาทองปรับตัวลง ตอบรับสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
ปัจจัยบวกลบที่ต้องติดตาม
สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำหลังสงกรานต์เป็น Sideway Up โดยได้รับแรงหนุนจาก ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ที่มีอย่างต่อเนื่อง จากกระแส De-Dollarization ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าถือครองทองคำเพิ่มอีก 39 ตันในเดือน ม.ค. นำโดยตุรกีและจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสุทธิทองคำเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
กลยุทธ์การลงทุน
ราคาทองคำกลับมาเคลื่อนไหวกรอบหลังจากราคาทิ้งตัวลง หากวันนี้ปรับปรับตัวขึ้นในระดับจำกัด อาจเกิดแรงขายสลับเข้ามาเพิ่ม ทั้งนี้ เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านด้านบนบริเวณ 2,351-2,366 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากยังไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง อาจต้องระมัดระวังการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ โดยประเมินแนวรับที่บริเวณ 2,329-2,320 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนอาจพิจารณาเปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้น หากยังสามารถยืนเหนือแนวรับ และ เมื่อราคาปรับตัวลงมาอาจพิจารณาปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าว แต่หากผ่านโซนดังกล่าวสามารถชะลอการปิดสถานะซื้อออกไป
อย่างไรก็ตาม ประเมินแนวต้านแรกที่ 2,366 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้าน ถัดไปที่ 2,385 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านสุดท้ายที่ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับแรกที่ 2,320 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับสุดท้ายที่ 2,281 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์