น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ Nation STORY ว่า เงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 36.00-36.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จับตาข้อมูลเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ ตัวเลขส่งออกและดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.พ.ของไทย รวมถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนจีน และราคาทองคำ
สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคช่วง 1 มี.ค.- 22 มี.ค. พบว่า สกุลเงินส่วนใหญ่อ่อนค่า นำโดย บาท-ไทย 1.59% รองลงมาเป็น ดอลลาร์-ไต้หวัน 1.19% ดอง-เวียดนาม 0.64% หยวน-จีน 0.55% รูปี-อินเดีย 0.53% วอน-เกาหลีใต้ 0.53% รูเปียห์-อินโดนี เซีย 0.40% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.19% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.12% ยกเว้น ริงกิต-มาเล เซีย แข็งค่า 0.05 %
สาเหตุที่เงินบาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาคเกิดจาก
สำหรับกรณีที่เฟดประกาศลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 10 เม.ย.นี้ กนง.อาจจะเลือกตรึงดอกเบี้ย เพื่อรองบประมาณภาครัฐออก และการประกาศจีดีพีไตรมาส 1/67 ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ที่จะประกาศในเดือน พ.ค.นี้ คาดกนง.จะปรับลดเดือน มิ.ย.และ ส.ค. โดยสิ้นปีดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 2.00%
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ Nation STORY ว่า เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงหนักแตะระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐทุบสถิติใหม่ในรอบ 5 เดือน โดยมีปัจจัยมาจาก
1. เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังตลาดรับรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสวิตฯ (SNB) ที่เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการลดดอกเบี้ยเป็นธนาคารกลางแรกในฝั่ง DM กดดันให้เงินฟรังก์สวิส (CHF) อ่อนค่าลงหนัก
นอกจากนี้ ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่แม้จะคงอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกับเฟด แต่ผลการประชุมสะท้อนว่า BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ตลาดประเมินไว้ในช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นผลมาจากการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ และคณะกรรมการนโยบายการเงินที่เคยโหวตขึ้นดอกเบี้ย 2 คน มองว่า BOE ควรคงอัตราดอกเบี้ย ชี้ว่าคณะกรรมการฯ มีมุมมองที่ Dovish มากขึ้น กดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ก็อ่อนค่าลงต่อเนื่องเช่นกัน
2. ปริมาณซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลง โดยราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลงหนัก ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และบรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาเปิดรับความเสี่ยงลดความน่าสนใจของทองคำลงบ้าง
3. ปริมาณธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะการซื้อเงินเยนญี่ปุ่น หลังเงินเยนญี่ปุ่นพลิกกลับมาอ่อนค่าลงพอสมควรเมื่อเทียบกับเงินบาทในระยะสั้น ขณะเดียวกัน เรายังคงเห็นโฟลว์ซื้อสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงานอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันเงินบาทเช่นกัน
4. แรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนของตราสารหนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการขายสถานะเก็งกำไร Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) และลดสถานะถือครองบอนด์ระยะยาว
ทั้งนี้มองว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.50% แต่การสื่อสารอาจเริ่มสะท้อนโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อปูทางไปสู่การลดดอกเบี้ยในช่วงการประชุมเดือนมิถุนายน และช่วงปลายปี รวมเป็นการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ -0.25% สู่ระดับ 2%