svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

พึ่งมังกรแดง “ฮุน มาเนต” เปิดประตูทอง “เวียดนาม” สู้ไทยปิดด่านถาวร

หวนจูบปากมังกรแดง “ฮุน มาเนต” ดิ้นสู้ไทยปิดด่าน พึ่ง “เวียดนาม” เปิดประตูทองเส้นเลือดเศรษฐกิจสายใหม่

8 ธันวาคม 2568 สงครามไม่จบ ฮุน มาเนต ดิ้นสู้ไทยปิดด่านถาวร หันพึ่งเวียดนาม เปิดประตูทอง เส้นทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดนสายใหม่

 

ปมซุกปีกทรัมป์ พี่ใหญ่แดนมังกรเมินหมางตระกูลฮุน ส่งผลให้ชนชั้นนำกัมพูชา หวนคืนดีลูกพี่เก่ามังกรแดง-เวียดนาม

 

พลันที่เสียงปืนเสียงระเบิดดังสนั่นชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงเช้าวันที่ 8 ธ.ค.2568 สมเด็จฮุน เซน นั่งบัญชาการเหตุการณ์การสู้รบอยู่ภายในคฤหาสน์ที่อำเภอตาขะเมา จังหวัดกันดาล

 

ส่วน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีภารกิจสำคัญต้องเดินทางไปชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม เพื่อร่วมกับ ฝ่าม มิญ จิ่ง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ทำพิธีเปิดด่านชายแดนระหว่างประเทศ Tan Nam จ.เต็ยนิญ - Meun Chey จ.เปรยแวง

 

ในระหว่างพิธีเปิด ฮุน มาเนต กล่าวว่า การเปิดด่านชายแดนครั้งนี้ เป็นการยืนยันความร่วมมือระหว่างกัมพูชา-เวียดนาม ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสามัคคี มิตรภาพแบบดั้งเดิม

 

อนึ่ง เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2568 พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้นำคณะเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา-เวียดนาม โดย พล.อ.ฟาน วันยาง รมว.กลาโหมเวียดนาม ได้ให้การต้อนรับที่ด่านพรมแดน Moc Bai - Bavet จ.เต็ยนิญ

 

โดยการพบกับ ฟาน วันยาง รมว.กลาโหมเวียดนามในครั้งนั้น เตีย เซ็ยฮา ก็พูดเหมือน ฮุน มาเนต คือย้ำคำว่า “มิตรภาพแบบดั้งเดิม”

มีข้อน่าสังเกต หลายปีมานี้ บ้านใหญ่ตระกูล “ฮุน” ได้เปิดทางให้ทุนจีนเข้ามาลงทุน และมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับศูนย์อำนาจ “ปักกิ่ง” ด้วยเหตุนี้ เวียดนามผู้ทำคลอด “รัฐบาลเฮงสำริน” เมื่อปี 2522 จึงไม่พอใจ สมเด็จฮุน เซน

 

หลังจากเกิดสงคราม 5 วัน สมเด็จฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ได้วิ่งเข้าหาทรัมป์ โดยดึงผู้นำสหรัฐฯ มาเป็นพระเอกในฉากหนังดราม่าเรื่องดีลสันติภาพ ทำให้พี่ใหญ่จีนเริ่มเมินหมางตระกูลฮุน

 

ระยะหลัง ชนชั้นนำกัมพูชาได้หันมาฟื้นฟู “มิตรภาพแบบดั้งเดิม” ระหว่างกัมพูชา-เวียดนาม เพราะการที่รัฐบาลไทยปิดด่านยาวนานกว่า 4 เดือน ไม่เป็นผลดีแก่เศรษฐกิจภายในกัมพูชา 
 

ฮุน มาเนต ร่วมกับนายกฯเวียดนาม เปิดด่านพรมแดนแห่งใหม่
 

ประตูทอง-ทางรอดกัมพูชา
 

กรณีการเปิดด่านพรมแดนแห่งใหม่ด้าน จ.เต็ยนิญและ จ.เปรยแวง เป็นการต่อลมหายใจทางเศรษฐกิจของกัมพูชา หลังแนวโน้มด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จะถูกปิดตาย

 

จ.เต็ยนิญ ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจสำคัญทางตอนใต้ มีพรมแดนยาวเกือบ 369 กิโลเมตร ติดกับ 3 จังหวัดได้แก่ จ.สวายเรียง จ.เปรยแวง และ จ.ตะโบงฆมุม ราชอาณาจักรกัมพูชา

 

โครงการก่อสร้างประตูชายแดนระหว่างประเทศ ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่เดือน ต.ค.2567 ซึ่งด่าน Tan Nam - Meun Chey ได้เปิดใช้งานแล้ว และเป็นพื้นที่ใหม่ทางการค้า และความร่วมมือระหว่างเวียดนาม-กัมพูชา และประเทศอาเซียน

 

นอกจากด่านพรมแดนใหม่แห่งนี้ ภายใน จ.เต็ยนิญ ยังมีด่านพรมแดนเชื่อมกัมพูชาอีก 3 ด่าน ซึ่งเป็น “ประตูทอง” ที่เปิดเส้นทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดน

 

สมเด็จฮุน เซน จึงพูดอยู่หลายครั้งว่า หากไทยต้องการจะปิดด่านต่อไปอีก 100 ปี หรือ 500 ปี ก็ไม่ได้ทำให้กัมพูชาล่มสลาย

 

เนื่องจากกัมพูชาหันไปพึ่ง “ประตูทอง” จากเพื่อนมิตรที่เคยปั้นประเทศ “กัมพูชาใหม่” หลังโค่นระบอบเขมรแดง 
 

สมเด็จฮุน เซน ปักหลักบัญชาการสู้รบในคฤหาสน์ จ.กันดาล

 

จำใจจูบปากลูกพี่เก่า
 

ย้อนไปวันที่ 14-15 ต.ค.2568 มีการประชุมแลกเปลี่ยนบทเรียนของ 3 กองทัพคือ ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

 

พล.ท.คำเลียง อุทะไกสอน รมต.ป้องกันประเทศลาว กล่าวถึงความเป็นเอกภาพของ 3 ชาติอินโดจีน

 

“ประชาชน 3 ชาติอินโดจีน เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ต้านจักรพรรดิต่างด้าวผู้รุกรานตัวเดียวกัน ฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใด เงื่อนไขใด และระยะใด พวกเราไม่สามารถจะแบ่งแยกออกจากกันได้”

 

หลายคนทราบดีว่า ต้นปี 2522 ทหารเวียดนามนับแสนคนได้เข้ายึดพนมเปญ โค่นรัฐบาลเขมรแดง และสนับสนุนกลุ่ม “เฮง สำริน เจีย ซิม ฮุน เซน” ขึ้นปกครองกัมพูชา

 

กองพลน้อยที่ 70 หน่วยองครักษ์สมเด็จฮุนเซนชุดแรก ได้รับการฝึกฝนมาจากกองทัพเวียดนาม ก่อนจะพัฒนาเป็นหน่วยองครักษ์ HBQ

 

หากวันนี้ สมเด็จฮุน เซน จำใจต้องหันไปพึ่งลูกพี่เก่า-เวียดนาม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพวกเขามาจากต้นธารสายเดียวกันคือ พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน