svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

ราคาทองติดจรวด ! มีโอกาสทะลุ 37,000 บาทหรือไม่

06 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ราคาทองคำขึ้นสุดร้อนแรง วันเดียวพุ่งพรวด 700 บาท หลังเจ้าหน้าที่เฟดประสานเสียงอาจยุติการทำ QT – ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ส่วนแนวโน้มทิศทางราคาทองคำจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกัน

ราคาทองคำพุ่งทำ "All Time High" หลังประธานสาขาของเฟด อย่าง "วอลเลอร์-โลแกน" ประสานเสียงว่าอาจยุติการคุมเข้มนโยบายการเงิน หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ฉุดให้ดอลลาร์อ่อนค่า-บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง ส่วนแนวโน้มราคาทองคำแท่งบ้านเรา มีโอกาสทะลุ 37,000  บาทหรือไม่นั้น  NationSTORY ได้เชิญกูรูด้านทองคำมาร่วมวิเคราะห์ให้ฟังกัน

เริ่มจาก "นายวรุต รุ่งขำ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด มองว่า ราคาทองคำดีดปรับตัวขึ้นทุบสถิติใหม่อีกครั้ง หลังจากที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)  นางลอรี โลแกน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส  ออกมาประสานเสียงกันว่า เฟดอาจยุติการทำ QT หรือ Quantitative Tightening คือการถอนสภาพคล่องและลดปริมาณเงินที่ไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการปล่อยให้ตราสารที่ Fed ถือครองครบกำหนดโดยไม่ซื้อใหม่ เพื่อดูดสภาพคล่องจำนวนนั้นออกจากระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่ต้องการให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงไปมากกว่านี้ ส่งผลให้เงินดอลาร์อ่อน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐหรือบอนด์ยีลด์ย่อตัวหนุนราคาทองคำพุ่ง

อย่างไรก็ตาม ราคา GOLD SPOT เคยทุบสถิติสูงสุดที่ระดับ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์จะหนุนให้ราคาทองคำในประเทศโดยเฉพาะราคาทองคำแท่งมีโอกาสแตะระดับ 37,000 บาท จากปัจจุบันราคา GOLD SPOT อยู่ที่ 2,119.50 ทองแท่งอยู่ที่ 35,950 บาท  คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 35.84 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองติดจรวด ! มีโอกาสทะลุ 37,000 บาทหรือไม่


ดังนั้นทิศทางการลงทุนช่วงนี้ไม่แนะนำสะสมไว้ระยะยาว แต่ควรทำกำไรระยะสั้นปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของตลาด ถ้าหลุดแนวรับลงแรงให้ตัดขายขาดทุน และทยอยซื้อเมื่อราคาย่อตัว

โดยประเมินแนวรับแรกที่ 2,088 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่  2,088 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับสุดท้ายที่ 2,016 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  2,088 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านแรกที่ 2,126 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านถัดไปที่ 2,088 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านสุดท้ายที่  2,162  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำจะไปต่อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด  ที่เตรียมแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส 6-7 มี.ค.นี้ เพื่อหาสัญ ญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 19-20 มี.ค.นี้

โดยเฉพาะท่าทีของพาวเวลจะประกาศยุติคิวทีหรือไม่ ถ้าส่งสัญญาณชัดเจนจะทำให้ราคาทองคำพุ่งต่อ แต่ในทางกลับกันถ้าไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรเลยจะทำให้ทองคำอาจถูกเทขายหลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้านี้  ส่วนมุมมองนโยบายดอกเบี้ยเชื่อว่าจะปรับลดในเดือนพ.ค. หรือมิ.ย.นี้ หากเงินเฟ้อปรับตัวลงตามที่เฟดคาดการณ์ไว้

ราคาทองติดจรวด ! มีโอกาสทะลุ 37,000 บาทหรือไม่

ด้าน "นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัด การ บริษัท จินฮั้วเฮง จำกัด  มองว่า ราคาทองปรับตัวขึ้นเป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐล่าสุดออกมาแย่กว่าคาดอยู่ระดับ 76.9 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 79.6 จากระดับ 79.0 ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.พ. จากระดับ 49.1 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.5 โดยดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16

นอกจากนี้ผู้ใช้สิทธิ์การว่างงานเพิ่มขึ้นทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะลดดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.นี้  เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะละตัว

โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองไทยวันที่  5 มี.ค. ที่ผ่านมาถือว่าทุบสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์สำหรับราคาในประเทศ ส่วนราคา GOLD SPOT  ในต่างประเทศจะต้องจับตาดูว่าจะเกินจุดสูงสุด 2,145 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือไม่  ถ้าแตะและไปต่อก็มีโอกาสที่จะทำจุดสูงสุดใหม่ ด้านราคาทองแท่งในประเทศก็มีโอกาสที่จะแตะไปสู่ระดับ 37,000 บาทในปีนี้ได้เช่นกัน

ทั้งนี้เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอตัวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยลง 5 ครั้งในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ 3 ครั้ง ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มหันมาใช้ทองคำเป็นทุนสำรองแทนเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้ความต้องการทองคำยังอยู่ในระดับสูง 

นอกจากนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามคือด้านความเสี่ยงภูมิรัฐ ศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เทรนด์ทองคำยังเป็นขาขึ้น แต่ก็ต้องระวังแรงเทขายหากราคาดีดปรับตัวสูง ประเมินกรอบแนวรับ2,080  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านที่ 2,145  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ปิดท้ายที่ "น.ส.ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ที่มองว่า  ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผูบริโภคลดลงทำให้การให้การใช้จ่ายที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่เฟดไม่ได้เร่งการลดดอกเบี้ย ซึ่งตลาดรับรู้มาแล้ว โดยตลาดจับตาดูว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงเมื่อไหร่  เพราะเป้าหมายของเฟดคือการทำให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบ 2%

สำหรับราคาทองคำที่มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นอาจเกิดจากปัจจัยทางเทคนิค ซึ่งต้องรอจับตาดูว่าการประชุมเฟดมี.ค.นี้ จะมีการส่งสัญญาณต่อนโยบายดอกเบี้ยอย่างไรและมีการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจใหม่หรือไม่  

อย่างไรก็ตาม คาดว่าทองคำแท่งมีโอกาสทะลุ 37,000 บาท เป็นผลมาจากธนาคารกลางหลายแห่งซื้อทองเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ภาวะสงครามที่ยังไม่ยุติ และเฟดปรับลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

แม้ภาวะตื่นทองที่เกิดขึ้นอาจจะยังดำเนินต่อไปได้ จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่ยังมีอยู่ แต่จากการที่ราคาทองดีดตัวรับข่าวเชิงบวกมามากแล้ว การเข้ามาไล่ซื้อตามกระแส อาจสุ่มเสี่ยงที่จะได้ไม่คุ้มเสีย หรือหากยังจะกล้าเข้าลงทุน คงต้องคอยติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ลงทุนได้ทันท่วงที.....

logoline