svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

BAFS สยายปีกลงทุน "พลังงานทดแทน" ในประเทศ-ตปท.

23 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

BAFS เดินหน้าลงทุนธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ พร้อมขยายท่อขนส่งน้ำมัน-ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โชว์ผลดำเนินงานปี 2566 กวาดรายได้รวม 3,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%

BAFS GROUP รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจบริการพลังงาน และสร้างสมดุลในโครงสร้างธุรกิจ เดินเกมรุกขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้หลักจากธุรกิจบริการน้ำมันอากาศยาน ตลอดจนมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero target)

โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่เพื่อประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้น ภายใต้ชื่อ BX Global Invest Pte ประเทศสิงคโปร์ และบริษัท BAFS X Mongolia LLC ในประเทศมองโกเลีย นอกจากนี้ ยังร่วมลงทุนในโครงการแปรรูปขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ในสัดส่วนการถือหุ้น 30% กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปี 2569

BAFS GROUP เดินหน้าพัฒนาธุรกิจบริการพลังงาน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ  โดยตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใส่ใจรักษาสิ่งแวดล้อม

โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งน้ำมันไปยังภูมิภาค ด้วยธุรกิจระบบท่อขนส่งน้ำมันภาคเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ และช่วยลดการกระจายต้นทุนด้านพลังงานสู่ผู้บริโภคจากการขนส่งน้ำมัน

อีกทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งแต่บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ (FPT) เริ่มดำเนินการให้บริการน้ำมันผ่านระบบท่อ ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปแล้วกว่า 54,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ถึง 5,684,200 ต้น
 

BAFS สยายปีกลงทุน \"พลังงานทดแทน\" ในประเทศ-ตปท.

สำหรับปริมาณความต้องการใช้น้ำมันทางภาคเหนือสะสมในปี 2566 อยู่ที่ 3,336 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนที่ 3,250 ล้านลิตร โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา เตรียมโครงการสร้างท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมระ หว่าง ส้นทางสระบุรี-อ่างทอง (link line) เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันระหว่างภาคตะวันออกกับภาคเหนือเข้าด้วยกัน

ซึ่งจะช่วยทำให้โครงข่ายระบบท่อส่งน้ำมันของประเทศไทยมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้น และสอดรับเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ตอกย้ำวิสัยทัศน์เติมเต็มโลกด้วยธุรกิจที่ยั่งยืน

ล่าสุด ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS  ประกาศผลการดำเนินการของ BAFS GROUP ว่า  เติบโตต่อเนื่อง โดยผลประกอบการไตรมาส 4/2566 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2565 จากนโยบายส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว

โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวสะสมตลอดทั้งปีจำนวนกว่า 28 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจากปีก่อน และจากปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) ที่เติบโตขึ้นมากกว่า 100% จากการทำธุรกิจเชิงรุก รวมทั้งจากการขยายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน

อย่างไรก็ตาม BAFS GROUP มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 4/2566 ลดลง 29% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงจากค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Airport Concession Fee: ACF) สำหรับต้นทุนทางการเงินสุทธิเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของตลาดเงินโดยรวม

BAFS สยายปีกลงทุน \"พลังงานทดแทน\" ในประเทศ-ตปท.

นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2566 BAFS GROUP ได้มีการรับรู้ผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 45.4 ล้านบาท ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมและเงินลงทุนรวมจำนวน 33.6 ล้านบาท และรับรู้ผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าแห่งหนึ่งจำนวน 15 ล้านบาท

รวมถึงมีการตัดจำหน่ายผลประโยชน์ภาษีเงินได้ (DTA) ที่คาดว่าจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต จำนวน 65 ล้านบาทด้วย ส่งผลให้ในไตรมาส 4/2566 BAFS GROUP มีขาดทุนสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 197.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการในปี 2566 ของ BAFS GROUP มีรายได้รวม 3,074 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน มีขาดทุนสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 138 ล้านบาท ลดลง 51% จากปีก่อน 

โดยรายการดังกล่าวถือเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินสด ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราความสามารถในการทำกำไร (EBITDA Margin) จากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในปี 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2565

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจบริการพลังงาน และสร้างสมดุลในโครงสร้างธุรกิจ เดินเกมรุกขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้หลักจากธุรกิจบริการน้ำมันอากาศยาน ตลอดจนมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero target)

โดยในปีที่ผ่านมาได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่เพื่อประ กอบธุรกิจ ซึ่งมีรายได้จากการถือหุ้น ภายใต้ชื่อ BX Global Invest Pte ประเทศสิงคโปร์ และบริษัท BAFS X Mongo lia LLC ในประเทศมองโกเลีย นอกจากนี้ ยังร่วมลงทุนในโครงการแปรรูปขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ในสัดส่วนการถือหุ้น 30% กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปี 2569

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทฯ วางแผนงบลงทุนปี 67 ของกลุ่มบริษัทตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจ Aviation ที่ 250 ล้านบาท  กลุ่มธุรกิจ Utilities ที่ 550 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ(NFPT) และ กลุ่มธุรกิจ Power ที่ 700 ล้านบาท ซึ่งงบลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และ การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ โดยจะพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับต้นทุนทางการเงินของบริษัท

logoline